ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 มิถุนายน) ดัชนี SET ปิดที่ 1,560.02 จุด ลดลง 14.50 จุด หรือ 0.92% จากวันก่อนหน้า โดยระหว่างวันดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ 1,551.42 จุด
การลดลงของหุ้นไทยวันนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชีย โดยตลาดที่ลงแรงคือ ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ลดลงไปราว 2.5% ขณะที่ประเทศอื่นๆ ส่วนมากลดลงกว่า 1%
สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การดิ่งลงแรงของตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ โดยหลักเป็นผลจากความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้น
“โดยทั่วไปแล้วเมื่อเกิด Recession สองกลุ่มที่มักจะถูกกระทบหนักคือ สินค้าโภคภัณฑ์และอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เราเห็นประเทศอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลงมากกว่าประเทศอื่นในวันนี้”
ขณะเดียวกันหากสินค้าโภคภัณฑ์ถูกกระทบ ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่ลดลง ทำให้ตลาดหุ้นไทยที่มีน้ำหนักกลุ่มพลังงานสูงจะถูกกระทบไปด้วยเช่นกัน
ส่วนการฟื้นตัวของหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้มองว่า เป็นเพียงการฟื้นตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) เพราะขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ โดยอาจเป็นเพียงมุมมองที่ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีโอกาสจะลดลงได้เองหลังจากนี้ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัว พร้อมกับราคาน้ำมันลดลงมาประมาณ 10%
“เชื่อว่าหลังจากนี้ตลาดหุ้นไทยและสหรัฐฯ น่าจะยังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันต่อ แต่ในระยะสั้นเชื่อว่าแนวรับของ SET บริเวณ 1,535 จุด น่าจะยังรับไหว”
ด้าน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า นอกจากเรื่องของความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย อีกปัจจัยที่สำคัญซึ่งทำให้ตลาดหุ้นเอเชียวิ่งลงสวนทางกับหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้คือ เรื่องของการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเหมือนกัน แต่ความรวดเร็วต่างกัน
“สหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเร็วมาก ในขณะที่เอเชียบางประเทศเพิ่งปรับขึ้น หรืออย่างไทยเองที่ยังไม่ได้ปรับขึ้น ทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มมากขึ้น และทำให้แรงจูงใจในการถือเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น”
ในวันนี้จะเห็นว่าสกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าทำจุดต่ำสุดใหม่ เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นผลจากความเร็วในการปรับใช้นโยบายการเงินที่ต่างกัน ทำให้กระแสเงินลงทุนไหลออกจากประเทศเหล่านี้ชัดเจน รวมถึงหุ้นไทยที่ต่างชาติเป็นฝ่ายขายสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาทในเดือนนี้
“หุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับแรงขายจากต่างชาติเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ จากการที่ต่างชาติซื้อสะสมอยู่ 1.6 แสนล้านบาทนับจากต้นปี และด้วยโมเมนตัมเงินบาทที่ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้การฟื้นตัวช่วงนี้มักจะมีโวลุ่มน้อย เป็นลักษณะเหมือนกับแค่ชะลอการขาย”
ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวรับของ SET ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า อยู่บริเวณ 1,500-1,530 จุด แต่จุดที่จะเริ่มได้เปรียบในเชิงมูลค่าคือโซน 1,460-1,500 จุด
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP