ภากรมองปีหน้าฟันด์โฟลวไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยมากขึ้น รับเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดี แนะจับตาการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนรับยุค Next Normal เพิ่มสภาพคล่อง ป้องกันความเสี่ยงในอนาคต
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2564 คาดว่าจะเห็นเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดเอเชียมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจในตลาดเอเชียจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าฝั่งยุโรป โดยเฉพาะจีนจะเติบโตแซงสหรัฐฯ และยังมีประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซียด้วย
“ตั้งแต่ปีหน้าจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดเอเชีย ไทยก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย แม้ว่าการปรับตัวดัชนีฯ จะยังไม่เห็นชัดเจน เพราะเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวในรูปตัว K มีทั้งฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องศึกษาการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนที่ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วหลังโควิด-19 เช่น มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สอดคล้องกับโลก New Normal ปรับกระบวนการผลิต การพบลูกค้า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ การปรับบุคลากรให้เข้ากับการบริหารความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต” ภากรกล่าว
ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เห็นได้จากเป็นแหล่งระดมทุนหลักของประเทศ ซึ่งมาจากตลาดหุ้น 32% ตลาดตราสารหนี้ 30% และธนาคารพาณิชย์ 38% ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเลือกระดมทุนได้
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของตลาดทุนไทยในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมุ่งเน้นไปใน 3 เรื่องคือ
1. อนาคตในการระดมทุน แบ่งเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจ และสนับสนุนการระดมทุนสำหรับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ โดยมีแผนออกกระดานเทรดที่ 3 เบื้องต้นจะเปิดให้กับนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนก่อน เนื่องจากสามารถวิเคราะห์และรับความเสี่ยงจากการลงทุนดังกล่าวได้ รวมถึงตลาดทุนไทยพร้อมรองรับการระดมทุนของบริษัทต่างชาติ จากปัจจุบันบริษัทต่างประเทศสามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทย 5 วิธีคือ เข้ามาเป็น Holding Company, เข้ามาจดทะเบียนเป็นครั้งแรก, เข้ามาจดทะเบียนเป็น Secondary Listing, เข้ามาจดทะเบียนเป็น Infrastructure Trust และเข้ามาจดทะเบียนเป็น REIT ได้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็จะผลักดันในส่วนนี้ให้เกิดขึ้นมากขึ้น
2. ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน โดยต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนให้มีความหลากหลายและเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนไทยในกรณีที่จะกระจายการลงทุนไปทั่วโลก เนื่องจากปัจจุบันสินทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีอยู่ประกอบด้วยหุ้นไทย กอง REIT หรือพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ฯลฯ ซึ่งถือว่ามีสินทรัพย์ต่างประเทศน้อยมาก
3. การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุค New Normal เนื่องจากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลมีความสำคัญต่อธุรกิจในอนาคต รวมถึงเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 พบว่านักลงทุนได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เนื่องด้วยการลงทุนในบริษัทที่มีคะแนน EGS สูง ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
รายงาน: กรณัช พลอยสวาท