ปปง. สั่งอายัดทรัพย์สิน อภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวก คดีฉ้อโกงหุ้น MORE รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 5.3 พันล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 – 18 กุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่กรรมการและกรรมการอิสระ MORE แจ้งลาออก
วานนี้ (21 พฤศจิกายน) เทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวของอภิมุขกับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จำนวน 34 รายการ (เงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R) รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5.3 พันล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 – 18 กุมภาพันธ์ 2566
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จับตา หุ้น MORE ! หลังตลาดหลักทรัพย์และสมาคมโบรกเกอร์เตรียมแถลงแนวทางแก้ปมผิดนัดชำระค่าหุ้น
- ทำความเข้าใจเกม หุ้น MORE ทิ้งคำถามถึงช่องโหว่ของวงการหุ้นไทย
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนหุ้น ‘MORE’ วันนี้ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบธุรกรรม
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน ปปง. มุ่งเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีดังกล่าว รวมทั้งรายคดีอื่น โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด
ในขณะเดียวกันถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. ก็จะพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
สำหรับ อภิมุข บำรุงวงศ์ เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MORE โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 MORE มีผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ดังนี้
1.อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ถือหุ้น 1,547.20 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 23.69%
2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 886.52 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 13.57%
3. ศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล ถือหุ้น 742.86 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.37%
4. อภิมุข บำรุงวงศ์ ถือหุ้น 586.77 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.98%
5. วสันต์ จาวลา ถือหุ้น 431.98 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 6.61%
6. สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา ถือหุ้น 279 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.27%
7. UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED ถือหุ้น 193.74 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.97%
8. อรเก้า ไกยสิทธิ์ ถือหุ้น 136.11 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.08%
9. เอกภัทร พรประภา ถือหุ้น 122.11 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.87%
10. จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ ถือหุ้น 85.13 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.30%
ในวันเดียวกัน กนกวรรณ บุญประกอบ เลขานุการบริษัท บมจ.มอร์ รีเทิร์น หรือ MORE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า อริชัย รักธรรม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการและกรรมการอิสระ เนื่องจากมีภารกิจอื่นที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป
โดยคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนจะพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งแทนที่ว่างลง โดยจะอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลือของกรรมการที่ลาออก และจะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติและแจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ได้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการบริษัทไว้ดังนี้
- พล.ต.ต. ลัทธสัญญา เพียรสมภาร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ
- อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการ
- ฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ ดำรงตำแหน่งกรรมการ
- สมชาย วงศ์ทรัพย์สิน ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
- ปรวิชย์ โอภาส ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
- อริชัย รักธรรม ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ
- ภัทร์บดี โฉมวงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ