ว่ากันว่าเราจะเห็นคุณค่าของสิ่งใดได้มากที่สุดก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นจากเราไปแล้ว เป็นบทเรียนสอนใจว่าอย่าได้คิดว่าจะมีอะไรเป็นของตายให้เราหันกลับมาหาได้อีก ยามเมื่อคิดถึง คิดได้ หรือหลังจากคิดทบทวน แล้วได้คำตอบกับตัวเองในที่สุด
…เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ยืนหยัดอยู่ได้ถาวร
ในความสัมพันธ์ทุกรูปแบบมักจะต้องผ่านบททดสอบ ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรและบุพการี วัดจากตัวเราเป็นที่ตั้ง กี่ครั้งกี่หนที่เราออกลายปฏิบัติการท้าทายอำนาจของผู้บังคับบัญชาในบ้าน ด้วยการเกเร ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งดื้อดึงแบบเงียบๆ และออกอาการให้เห็น
…เพราะอย่างไรเสีย เรารู้อยู่เต็มอกว่าท่านพร้อมจะให้อภัยในสิ่งที่เราทำ
จนถึงวันหนึ่ง วันที่เราไม่มีท่านอยู่ วันที่เราจะดื้ออย่างไรก็ได้ เรากลับมานั่งทบทวนพฤติกรรมตัวเองว่าเราเดินออกนอกลู่นอกทางโดยไม่ใส่ใจต่อสิ่งดีๆ ที่ท่านสอนได้อย่างไร
นั่นเป็นบทสรุปคร่าวๆ ของการสนทนาช่วงหนึ่งระหว่างทีมงานกับบุคคลท่านหนึ่ง ถึงการพยายามมองไปข้างหน้าหลังจากหนึ่งปีที่เศร้าที่สุดพ้นผ่านไป
การเปรียบเปรยข้างต้นคงใช้ได้กับทุกคน เพราะเราต่างก็เคยเป็น ‘ลูก’ ที่ดื้อกับ ‘พ่อ’ ด้วยกันทั้งนั้น เราสงสัยในสิ่งที่ท่านสอน เราตั้งคำถามกับสิ่งที่ท่านพร่ำบอก เราอาจจะกังขาในสิ่งที่ท่านยึดมั่น
จนถึงวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านทำ อธิบายเรื่องที่เราอยากหา คำตอบได้แบบไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก วันนั้นท่านไม่อยู่กับเราแล้ว
ในความสูญเสีย มีความสำนึกรู้ ในความตระหนักรู้ มีพลังให้ยืนหยัดอยู่ต่อไป
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างเป็นทางการ วันนี้ 30 ตุลาคม ถือเป็นวันออกทุกข์อย่างเป็นทางการ เราอาจถือโอกาสนี้มองไปข้างหน้าอย่างมีความมุ่งมั่น
…เพราะในวันที่ไม่มี ‘พ่อของแผ่นดิน’ เรารู้อยู่เต็มหัวใจว่าเราจะระลึกถึงท่านได้อย่างไร