×

‘STEC’ ยกเลิกซื้อกิจการ ‘เอส ที ไอ ที’ จาก STPI ระบุโควิดฉุดผลตอบแทนไม่คุ้มค่า หลังศึกษาแผนมาเกือบ 1 ปี

10.09.2021
  • LOADING...
STEC

ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ STEC ลงมติให้ยกเลิกเข้าซื้อกิจการ ‘เอส ที ไอ ที’ บริษัทย่อยของ บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ หรือ STPI ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม หลังประเมินผลตอบแทนการลงทุนไม่คุ้มค่า ผลกระทบการระบาดโควิดฉุด IRR ลดเหลือ 0.16% จากเดิมประเมินไว้ 16.53%

 

ภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 มีมติอนุมัติไม่ให้เข้าทำรายการซื้อกิจการบริษัท เอส ที ไอ ที ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจาก STPI หลังจากคณะกรรมการได้พิจารณาด้วยหลักความระมัดระวัง รวมถึงเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น จึงเห็นว่าการลงทุนซื้อกิจการของบริษัท เอส ที ไอ ที ในราคาและเงื่อนไขการชำระเงินเดิมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยจะนำเสนอรายงานให้ผู้ถือหุ้นในรอบการประชุมคราวถัดไป

 

ทั้งนี้ ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 24 กันยายน 2563 มีมติให้ซื้อกิจการบริษัท เอส ที ไอ ที เนื่องด้วยเล็งเห็นว่ากิจการของเอส ที ไอ ที จะช่วยสานประโยชน์และส่งเสริมการทำธุรกิจของบริษัท โดยจะสร้างความมั่นคงในการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการดำเนินงานและการบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกิจการดังกล่าวให้ผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) ที่ 16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนการลงทุนที่อยู่ในระดับที่ดี

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิดที่เกิดการระบาดอย่างรุนแรงระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 และยังรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังเดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบันยังคงระบาดอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลระทบต่อประเทศโดยรวมทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม การเปิดประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐล่าช้าออกไป รวมทั้งงานก่อสร้างของภาคเอกชนก็ชะลอออกไปเช่นกัน ซึ่งคาดว่ายังไม่ฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้ อันจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในกิจการของเอส ที ไอ ที

 

ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ บริษัทจึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ซี.เจ.มอร์แกน ในการร่วมกันจัดทำประมาณการทางการเงินใหม่ ภายใต้สมมติฐานที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบการระบาดโควิด ผลปรากฏว่า เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุน การเข้าทำรายการจะทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 0.16% จากเดิมที่ประเมินไว้ 16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าการลงทุนในห้วงเวลานี้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญที่ได้เสนอไว้ต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563

 

บริษัทได้เจรจาสอบถามราคาซื้อขายกิจการเอส ที ไอ ที กับบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ แล้ว และได้รับคำตอบยืนยันราคาเดิม ทั้ง 2 ฝ่ายจึงไม่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้ประเมินผลกระทบจากการยกเลิกการลงทุน ไม่มีผลกระทบดานกฎหมายเนื่องจากยังไม่ได้เข้าทำนิติสัมพันธ์ธุรกรรมซื้อขายแต่อย่างใด ส่วนผลกระทบด้านการเงิน เนื่องจากการยกเลิกการลงทุนในบริษัทอื่น ทำให้บริษัทกลับมามีกระแสเงินสดและสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจหลักที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อหุ้น จึงไม่มีประเด็นในเรื่องค่าปรับ ค่าเสียโอกาส และค่าเสียหายต่างๆ 

 

ส่วนผลกระทบต่อการดำเนินงาน บริษัทได้สั่งการให้หน่วยงานศูนย์เครื่องจักรกล ศูนย์บริหารพัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีอยู่เดิมให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องมืออุปกรณ์ การซ่อมบำรุง ตลอดจนบุคลากร ให้สามารถรองรับการดำเนินงานในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X