ภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฤษฎีกายกเว้นค่าอากรแสตมป์และลดค่ามัดจำเหลือ 3,000 บาท จากเดิม 50,000 บาท สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใน 2 กลุ่มคือ ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงห้องชุดเพื่อใช้สำหรับการอยู่อาศัย โดยโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดีมีสาระสำคัญคือการยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ออกใบรับสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์กรณีการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัยสำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี เฉพาะการโอนให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาดที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
ทั้งนี้กรมบังคับคดีได้จัดทำโครงการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 โดยมีการกำหนดให้ผู้ซื้อทอดตลาดต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลังเท่านั้น และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีสิทธิ์ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดที่นำออกมาขายทอดตลาด 1 รายต่อ 1 รายการ โดยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่รอการขายต้องมีราคาประเมินไม่เกิน 300,000-500,000 บาท
โดยวิธีการคือให้ผู้ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์จะเข้าร่วมประมูลในโครงการดังกล่าวต้องวางเงินประกัน 3,000 บาท โดยกระทรวงการคลังได้พิจารณายกเว้นค่าอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาดที่อยู่อาศัยดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าโครงการดังกล่าวเป็นการบรรเทาภาระให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีโอกาสมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
“ดังนั้นเพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุตามเป้าหมายและลดภาระค่าอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาด กระทรวงการคลังจึงเห็นควรยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาดที่ได้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐและได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ในส่วนนี้จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 12 ล้านบาท” พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
