วันนี้ (25 เมษายน) ที่อาคารรัฐสภา รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการติดตามกรณีอาคาร SKYY9 ของกองทุนประกันสังคม โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ (24 เมษายน) กรรมาธิการได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยเชิญเลขาสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการลงทุนตึก SKYY9 มาด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เชิญ ผู้จัดการกองทรัสต์ บริษัท MFC จำกัด (มหาชน), บริษัทประเมินมูลค่าสินทรัพย์Edmund Tie & Company Thailand และบริษัท Knight Frank Thailand ขณะที่ Jay Capital Advisory Limited ไม่ได้มาเข้าร่วมชี้แจงต่อกรรมาธิการ ทั้งนี้ กรรมาธิการยังได้เชิญนักวิชาการ นักการเงิน และนักประเมินอิสระ เข้าร่วมการประชุมด้วย
รักชนกระบุว่า ผลการพิจารณาเมื่อวันที่ 24 เมษายนนั้น ทำให้ได้ข้อมูลหลายอย่างที่แน่ชัดว่าการลงทุนซื้อตึก SKYY9 ในมูลค่าเกือบ 7 พันล้านบาท มีข้อพิรุธและข้อสงสัยที่อาจนำไปสู่การลงทุนที่ไม่คุ้มค่า โดยกองทุน MFC มีบทบาทมากในการทำให้เกิดการลงทุน มีการยอมรับในกรรมาธิการว่า MFC เป็นคนเสนอตึกนี้เข้ามาให้กองทุนประกันสังคมในการพิจารณาลงทุน และสิ่งที่น่าติดตามคือบทบาทของ MFC ซึ่งเป็นผู้เสนอตึก และเป็นผู้ประเมินในชั้นแรกด้วย รวมถึงเป็นผู้หาผู้ประเมินทางการเงินอิสระมาให้กองทุนประกันสั
งคม ซึ่งสุดท้ายกองทุนประกันสังคมมั่นใจและมอบหมายให้ MFC เป็นผู้ดำเนินการ
ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่เราได้คือในการพิจารณาเข้าซื้อตึก SKYY9 ผู้ที่เสนอตึกมาบอกว่า ตึก SKYY9 ได้รับใบรับรองเป็นตึกสีเขียว หรือเป็นตึกรักษ์โลก แต่ในกรรมาธิการมีการพูดว่าการมีใบรับรองมาตรฐานความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (LEED) กับใบรับรองการประเมินตามมาตรฐานอาคารสีเขียว (TREES) จะทำให้เรตราคาเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์
ในประเด็นดังกล่าว นักวิชาการอิสระ ได้แย้งว่าการมี LEED และ TREES จะทำให้มูลค่าของตึกเพิ่มขึ้นแค่ 7-10% เท่านั้น โดยสิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ จากการพิจารณากันภายหลังจาก ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส. กทม. พรรคประชาชน ได้ไปสืบข้อมูลมาว่า LEED และ TREES ซึ่งเป็นใบรับรองที่นำมาการประกอบการเข้าซื้อตึกและการประเมินมูลค่า จริงๆ แล้วมีใบนี้หรือไม่ ปรากฏว่า LEED มี แต่ TREES ไม่มี และกองทุนประกันสังคมก็เพิ่งยอมรับในกรรมาธิการว่า ไม่ทราบว่าตึกนี้ไม่ได้รับ TREES แต่ในการประเมิน ก่อนที่จะมีการลงทุน ต้องนำ 2 ใบนี้มาประกอบกัน
รักชนกตั้งข้อสงสัยว่า ข้อมูลหลายอย่างที่นำเสนอมาให้กองทุนประกันสังคมลงทุน นอกจากไม่มี TREES แล้ว ข้อมูลอื่นๆ เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ตัวเลขอื่นที่มีการประเมินกันเกินจริง ซึ่งนำไปสู่การลงทุน เป็นตัวเลขที่เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ หรือหากนำมาจากข้อมูลไหน เพราะจากที่คุยกันเมื่อวันที่ 24 เมษายน ทุกคนมั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและตรงไปตรงมา ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ขณะนี้ปรากฏออกมา
“ในส่วนของกองทุนประกันสังคมก็แสดงอาการหลายอย่างออกมา โดยเอกสารที่กองทุนประกันสังคมส่งให้กรรมาธิการนั้น มีการประทับตราทุกหน้าว่าห้ามเผยแพร่ ห้ามนำไปอ้างอิง และไม่เข้าใจว่าเอกสารที่ถูกนำมาประกอบการตัดสินใจนั้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของผู้ประกันตน 24 ล้านคน ทำไมห้ามเผยแพร่ ทั้งที่กองทุนประกันสังคมส่งให้กรรมาธิการเอง และเอกสารที่ส่งมานั้นมีบางส่วนถูกตัดออก เป็นการส่งเอกสารที่ไม่ตรงไปตรงมา และเราจะติดตามต่อว่าเป็นความตั้งใจที่จะตัดออกจริงหรือไม่ หรือเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค” รักชนกกล่าว
ด้าน วรภพ วิริยะโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า การประเมินทรัพย์สินก่อนการลงทุนตึกดังกล่าว มีข้อสังเกตที่น่าสงสัยหลายประการ และมีการค้นพบว่าในการประเมินโดยที่ปรึกษาสำนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 2 ราย เป็นส่วนสำคัญที่เป็นเงื่อนไขให้กองทุนประกันสังคมตัดสินใจลงทุนได้ คือ มีการประเมินในราคาการที่สูงเกินไป
วรภพยกตัวอย่างว่า ทั้ง 2 ราย ประเมินมูลค่าที่ดินบริเวณถนนอโศก-ดินแดง สูงถึงตารางวาละ 1.4 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดประเด็นมาก็มีเพจเกี่ยวข้องกับการลงทุน วิเคราะห์มูลค่าที่ดินบริเวณนั้นที่มีการประกาศขายอยู่ พบว่าประกาศขายเพียง 1 ล้านบาทต่อตารางวา และเมื่อเทียบกับราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ ซึ่งมีการประเมินราคาที่ดินตรงนั้นเช่นกัน พบว่ามีตารางวาละ 2 แสนบาท โดยการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินให้มูลค่าสูงกว่าธนารักษ์อยู่ที่ 7 เท่า
วรภพกล่าวว่า หากไปดูต้นทุนก่อสร้างอาคาร ก็ให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงกว่าถึง 2 เท่า คือ 6.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ในขณะที่สมาคมนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินประเมินว่าราคาที่ตึกสูงเกิน 26 ชั้น เพียงแค่ประมาณตารางเมตรละ 3-4 หมื่นบาทเท่านั้น โดยราคาประเมิน 6.5 หมื่นบาท สูงกว่าราคาที่สมาคมนักประเมิน ได้ประเมินไว้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการให้เหตุผลว่าตึกนี้ได้ใบรับรอง 2 ใบ จึงมีค่าพรีเมียมในการก่อสร้างที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ ในกรรมาธิการมีการให้ข้อมูลว่าตึกสีเขียวในประเทศไทยไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ และราคาก่อสร้างที่จะมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นก็จะเป็นเพียงแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งหากมีการประเมินมูลค่าตึกด้วยวิธีวิเคราะห์มูลค่าจากต้นทุน จะทำให้การประเมินมูลค่าตึกนี้สูงถึง 8,000 ล้านบาท มากกว่าต้นทุนทางบัญชีที่มีการบันทึกไว้ ทั้งการซื้อตึก ที่ดิน และการก่อสร้างถึง 2 เท่า
นอกเหนือจากนั้น ยังมีการประเมินว่าในปี 2567 จะมีผู้เช่าตึกนี้ถึง 80% แต่ความเป็นจริงกลับมีผู้เช่าเพียง 26% และยังมีการประเมินค่าเช่าไว้ที่ 700 บาทต่อตารางเมตร แต่ความเป็นจริงกลับได้เช่าเพียง 550 ต่อตารางเมตรต่อเดือน และยังมีการประเมินว่าตึกดังกล่าวจะสร้างรายได้ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี แต่ข้อมูลที่ได้มานั้นคือ 48 ล้านบาทเท่านั้น รวมถึงยังพบว่าตึกดังกล่าวยังขาดทุนอยู่ 20 ล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นสิ่งยืนยันว่า การที่ประกันสังคมตัดสินใจลงทุนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด จากการประมาณการที่เกินจริง
ขณะที่ สหัสวัต คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคประชาชน กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมาธิการ เราจะเห็นความผิดปกติหลายด้านด้วยกัน สิ่งสำคัญคือการประเมินมูลค่า ที่ดูอย่างไรก็มีความผิดปกติซึ่งเกิดจากปัญหาของบริษัทเอกชนผู้ประเมินล้วนๆ รวมถึงข้อเท็จจริงสำคัญ คือใบรับรองมาตรฐาน LEED และ TREES ซึ่งท้ายที่สุดเราพบข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ว่าไม่มี TREES โดยเหตุผลสำคัญทำให้ประกันสังคมตัดสินใจเข้าซื้ออาคารนี้เพราะมี TREES เพราะกำไรดี ราคาไม่ได้สูง ซึ่งมาจากบริษัทเอกชนซึ่งเป็นผู้ประเมิน และแจ้งข้อมูลให้กับประกันสังคม แล้วเราเห็นว่าเป็นปัญหาอย่างยิ่ง
สหัสวัตเปิดเผยว่า จะยื่นข้อมูลตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ต่อ ก.ล.ต. ให้ตรวจสอบการดำเนินงานที่ผ่านมาในกรณีอาคาร SKYY9 ว่านี่เป็นความจงใจให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น หรือจงใจประเมินราคาให้สูงเกินจริง บิดเบือนข้อเท็จจริงว่ามี TREES เพื่อให้ประกันสังคมตัดสินใจซื้ออาคารนี้หรือไม่ เราพิจารณาแล้วว่าเรื่องนี้ผู้เสียหายคือผู้ประกันตน ถ้าเอกชนยังดำเนินการอย่างจงใจให้เกิดความผิดปกติจริงๆ ก็เป็นเหตุให้ ก.ล.ต. สามารถเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินงานของบริษัทเอกชนเหล่านี้ได้
สหัสวัต กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากเรื่องนี้ ยังขอฝากถึงผู้ประกันตนทุกท่านที่อาจจะเห็นความผิดปกติเหล่านี้ และรู้สึกว่าจะสามารถทำอะไรได้หรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้ผู้ประกันตนหมดหวัง กองทุนประกันสังคมนี้เป็นกองทุนที่ดีที่สุดที่จะดูแล และเป็นเบาะรองให้กับทุกคนจริงๆ อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นว่ากองทุนนี้ดีกว่านี้ได้ หลายเดือนผ่านมาที่เราดำเนินการเรื่องกองทุนประกันสังคม เราลุยต่อเต็มที่อย่างแน่นอน ขอให้ผู้ประกันตนจับตาเรื่องนี้และต่อสู้ไปกับพวกเรา