วันนี้ (16 ธันวาคม) บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการหารือร่วมกับผู้แทนสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมถ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง ว่า การประชุมหารือในวันนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เล็งเห็นความถึงความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิง
ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับจากมาตรการของรัฐในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้จัดทำโครงการเยียวยาผู้ประกันตน ในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนในกิจการดังกล่าว ได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 5,000 บาทต่อคน
ด้าน ลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงผู้ที่ได้รับสิทธิเยียวยาว่า จะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงที่จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้การรับรองภายในวันที่ 14 มกราคม 2565
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้รีบสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 พร้อมรีบชำระเงินสมทบให้ทันภายในวันที่ 14 มกราคม 2565 และให้ทางสมาคมดังกล่าวข้างต้นรับรองภายในวันที่ 28 มกราคม 2565 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจกลุ่มสมาคมศิลปินกลางแจ้ง
อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคม ขอย้ำคนที่จะได้รับเงินเยียวยาจะต้องได้รับการรับรองจากสมาคมเท่านั้น ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกบัญชีกับเลขบัตรประชาชน เริ่มจ่ายเงินเยียวยางวดแรกในวันที่ 29 ธันวาคม 2564
สำหรับโครงการเยียวยากลุ่มคนทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิงภาคกลางคืนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 21 ธันวาคม 2564 นี้ ซึ่งจะมีกลุ่มคนทำงานบันเทิงเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 อีกจำนวน 1.3 แสนคน ได้รับประโยชน์จากโครงการเยียวยาเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 600 กว่าล้านบาท ซึ่งจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องผู้ประกันตนที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิง