นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวหา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปแล้ว 2 กรณี คือ 1) ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. อันเป็นเท็จ และ 2) การร่ำรวยผิดปกติ รวม 2 ข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น ในเวลาต่อมา ปรากฏจากคำให้สัมภาษณ์ของพลเอก ประวิตร ผ่านสื่อสารมวลชนเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2561 เกี่ยวกับกรณีข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า “นาฬิกาไม่ใช่ของผม เพราะยืมเขามา และก็ใส่มาเป็น 10 ปี จนใส่กี่เรือนต่อกี่เรือน ตอนนี้คืนเขาไปหมดแล้ว”
คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการยอมรับความจริงต่อสาธารณะว่า พลเอก ประวิตร มีและครอบครองนาฬิการาคาแพงดังกล่าวจริง แม้จะอ้างว่าได้คืนเจ้าของไปแล้วก็หาได้พ้นความผิดไปไม่ เพราะถือได้ว่าเป็นการได้รับประโยชน์จากบุคคลอื่น หรือ ‘การรับประโยชน์อื่นใด’ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543
ด้วยเหตุดังกล่าว ตนในฐานะเลขาธิการสมาคมฯ จะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนเป็นข้อกล่าวหาที่ 3 ต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน ตรวจสอบ และเอาผิดต่อพลเอก ประวิตร ต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์