วันนี้ (26 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงฉายารัฐบาลและฉายารัฐมนตรีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลประจำปี 2566 ตั้งให้ว่า เข้าใจว่าในทุกๆ ปีมีฉายา และมองว่าเป็นสีสัน สำหรับฉายา เซลส์แมนสแตนด์ ‘ชิน’ ที่ตนเองได้รับนั้น ตนเองก็ประกาศตัวมาตลอดว่าเป็น ‘เซลส์แมน’ ส่วนคำว่า ‘สแตนด์ชิน’ ตนเข้าใจว่าเป็นการควบกันระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวจึงอธิบายว่า คำว่า ‘สแตนด์ชิน’ สื่อมวลชนมองว่านายกรัฐมนตรีมีเงาของ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทาบอยู่ เศรษฐากล่าวว่า ตอนนี้ตนเองยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ และพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี ส่วนคำว่า ‘สแตนด์ชิน’ เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งต้องรอคอยการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ส่วนตัวนั้นเข้าใจและไม่ได้คิดอะไร
เศรษฐายังกล่าวถึงฉายารัฐบาลประจำปี แกงส้ม ‘ผลัก’ รวม ว่า แกงส้มเป็นแกงที่มีรสชาติดี เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด เปรียบเหมือนการรวมกันของหลายพรรคการเมือง และรัฐมนตรีหลายคนก็ครบเครื่องที่จะทำงานให้ประชาชน ส่วนตัวมองในลักษณะนี้มากกว่า
ผู้สื่อข่าวจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า คำว่า ‘แกงส้ม’ ถูกเปรียบว่าเป็นการแกล้งพรรคก้าวไกลมากกว่าการตั้งรัฐบาล เศรษฐกล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ แต่ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยโหวตให้พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด แต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ เราไม่สามารถรอคอย 10 เดือนตามเสียงเรียกร้องได้ เราต้องทำหน้าที่ต่อไป พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งแน่นอน สิ่งที่ตนเองพูดมาโดยตลอดก่อนเข้ารับตำแหน่งคือพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะสนับสนุนพรรคก้าวไกล
สำหรับการรักษาบรรยากาศการทำงานไปจนถึง 4 ปีนั้น ขึ้นอยู่กับผลงาน ไม่ได้มองว่าเป็นรัฐมนตรีจากพรรคใด แต่ดูผลงานเป็นที่ตั้ง เรามี 314 เสียง มีความสุขอยู่แล้ว เชื่อว่ารัฐมนตรีจากทุกพรรคทำงานเต็มที่ สื่อมวลชนก็ให้ข้อคิดว่ามีปัญหาตรงไหน ต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง ถือเป็นการกระตุ้นให้รัฐมนตรีทุกคนทุกพรรคช่วยกันทำงาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดพิจารณา เพราะตนเองเชื่อว่า 314 เสียงนั้นเราทำงานได้อย่างดี มีการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น ตนเองไม่ทราบ ตนเองไม่ใช่คนให้ข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีพรรคการเมืองเข้ามาเพิ่ม นายกรัฐมนตรีไม่ปิดโอกาสใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรียิ้มพร้อมกล่าวว่า วันนี้แฮปปี้ดี มีความสุข 314 เสียง จาก 500 เสียง เพียงพอต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ เรามีการพูดคุยอย่างเป็นผู้ใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วัด KPI รัฐมนตรีอย่างไรบ้าง เศรษฐากล่าวว่า แต่ละกระทรวงมีเรื่องที่ต้องทำแตกต่างกัน คงพูดลำบาก เราเน้นวัดผลงาน เอาระยะเวลามาเป็นตัวจับ ไม่ได้พูดลอยๆ แต่หากได้ 25 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ในแง่ตัวเลขอาจจะดีขึ้น แต่ถ้าจะต้องมาแบ่งหรือเกลี่ยกระทรวงกันใหม่คงลำบากขึ้น พร้อมย้ำว่า 314 เสียงพอแล้ว รัฐมนตรีทุกท่านทำงานเต็มที่ ผลงานก็เริ่มออกมาแล้ว