×

นายกฯ ร่วมงาน UBS AIC 2024 ย้ำไทยพร้อมรับการลงทุนต่างชาติ เสนอนโยบายเศรษฐกิจ-พัฒนารอบด้าน รองรับอนาคต

โดย THE STANDARD TEAM
29.05.2024
  • LOADING...

วันนี้ (29 พฤษภาคม) ที่โรงแรม Four Seasons เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน UBS Asian Investment Conference (AIC) 2024 งานรวมตัวของภาคธุรกิจ นักลงทุนจากสถาบันการเงินทั่วโลก และบุคคลที่มีชื่อเสียงในภาคธุรกิจมากกว่า 2,000 ราย รวมทั้งบริษัทในเอเชีย-แปซิฟิก 300 แห่ง ซึ่งได้มาหารือกันถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การค้า และการลงทุน ในภาคต่างๆ

 

โดยนายกฯ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ‘Wisdom: An eye on the past, a view to the future’ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ที่นำภูมิปัญญาจากประสบการณ์ในอดีตมาเป็นแนวทางในการรับมือกับความท้าทายและกำหนดอนาคตของประเทศไทยว่า

 

นโยบายเป้าหมายของรัฐบาลคือการสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้เศรษฐกิจเติบโตด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมควบคู่กับการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เช่น ไทยปรับปรุงมาตรการด้านภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนมากขึ้น และปรับปรุงกระบวนการในการดำเนินธุรกิจ ขจัดอุปสรรคด้านขั้นตอน ลดข้อจำกัดการนำเข้าและส่งออก และการส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก

 

ส่วนนโยบายทางการเงินการคลังที่สำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (275 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้คนไทย 50 ล้านคน ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2024 ประเทศไทยมีการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 1.5% รัฐบาลจึงมุ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการเติบโตเศรษฐกิจของไทยให้สูงขึ้น อัดฉีดเงินกว่า 5 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะสามารถกระตุ้น GDP ได้ 1.2-1.8% เงินจะลงไปถึงชุมชนท้องถิ่น ธุรกิจเล็กๆ ทำให้เกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยในระยะยาวนโยบายดังกล่าวจะวางรากฐานระบบการชำระเงินแบบบล็อกเชนทั่วประเทศ พร้อมด้วยการรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และการลงทุนจากต่างประเทศที่มากขึ้น

 

ด้านนโยบายการค้า รัฐบาลจะตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับซัพพลายเชนทั่วโลก โดยดำเนินการลดข้อจำกัดการนำเข้า-ส่งออก เร่งการเจรจา FTA กับเขตเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป มีความคืบหน้าและคาดว่าจะลงนามความตกลงได้ภายในปี 2025

 

ด้านการดำเนินธุรกิจ รัฐบาลกำลังสร้างกลไกในการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ควบคู่กับการส่งเสริมธุรกิจที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งยังปรับปรุงความสะดวกในการทำธุรกิจ กฎระเบียบและการแปลงบริการภาครัฐให้เป็นดิจิทัล และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน และโครงการแลนด์บริดจ์

 

ขณะเดียวกันรัฐบาลพร้อมเสริมสร้างบุคลากรให้มีความพร้อมสำหรับอนาคต และมีแผนที่จะดึงดูดผู้มีความสามารถจากต่างชาติ ด้วยการปรับปรุงการออกใบอนุญาตทำงานและกระบวนการขอวีซ่า เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านแรงงานที่มีทักษะ พร้อมส่งเสริมความยั่งยืนผ่านการปรับปรุงเศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด ในขณะที่เพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065

 

ในปี 2040 ไทยจะกลายเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาค โดย 50% ของไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาดมาร่วมลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งในปีนี้รัฐบาลมีแนวทางที่จะใช้เงินทุนจำนวนเกือบ 3 หมื่นล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน

 

โอกาสนี้นายกฯ ยังกล่าวถึงวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ทั้ง 8 วิสัยทัศน์ ซึ่งจะขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่ครอบคลุม พร้อมประกาศว่าต้องการทำให้ประเทศไทยเป็น ‘สถานที่ที่น่าอยู่’ เป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัททางการเงิน ซึ่งเป็นด้านที่ไทยมีศักยภาพ ด้วยการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล ประกอบกับศักยภาพของประเทศไทย ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าวิสัยทัศน์นี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising