แสนสิริเปิดเกมรุกเพื่อรับเศรษฐกิจฟื้น วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง 52 โครงการ มูลค่า 75,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมมุ่งสู่ Net-Zero ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในทุกโครงการใหม่ ประเดิมปีนี้ 650 หลัง ตั้งเป้ารายได้และกำไรสุทธิทุบสถิติ All-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่อยู่ในตลาดมากว่า 30 ปี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกมาขับเคลื่อนของ เศรษฐา ทวีสิน ในแต่ละครั้งต่างถูกจับจ้องอย่างมากหลังเปิดตัวเป็นแคนดิเดตตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย รวมถึงวันแถลงข่าวเปิดแผนธุรกิจของแสนสิริ
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI ฉายภาพก่อนเข้าสู่แผนธุรกิจของแสนสิริว่า หลังเกิดโควิดไม่ได้เจอกันมากกว่า 3 ปี วันนี้จึงจะมาพูดถึงแผนธุรกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอื่น เพราะจากนี้คงอยู่ด้วยกันต่อไปอีกนานๆ และคงได้เจอกันบ่อยขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปมากกว่าการขับเคลื่อนของทิศทางแสนสิริในปีนี้
เป็นการตีความอ้อมๆ ได้ว่ายังไม่อยากพูดเรื่องการเมืองในการแถลงใหญ่ของธุรกิจในวันนี้นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘แสนสิริ’ เดินหน้าย้ำเจ้าตลาดซูเปอร์ลักชัวรี เตรียมส่ง 7 โครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection กว่า 18,000 ล้านบาท บุกปี 2566
- ถอดรหัสเบื้องหลังความสำเร็จของ ‘นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา’ จาก ‘แสนสิริ’ ที่สร้างประวัติศาสตร์ Sold Out มูลค่า 6,000 ล้าน ใน 1 เดือน
- เคาะเปิด โรงแรม The Standard , Bangkok Mahanakhon 29 ก.ค. นี้ ด้านบริษัทแม่จะนำแบรนด์ Bunkhouse เข้ามาเจาะโรงแรมขนาดเล็ก ย้ำจะไม่มี ‘การซื้อ’ มาทำเอง
ทั้งนี้ หลังทุกอย่างคลี่คลายลงในปี 2565 เริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังต้องเผชิญกับเงินเฟ้อและสงครามในต่างประเทศ แต่เชื่อว่าภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ เพราะมีสถานภาพการเงินสูง ขณะที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเตรียมรับมือคือ แนวโน้มราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
แม้ปีที่ผ่านมาบริษัทต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่แสนสิริมีการปรับตัวรับมืออย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการปี 2565 สามารถปิดการขายได้ 18 โครงการ มูลค่า 28,000 ล้านบาท และมียอดขายถึง 50,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นแนวราบ 34,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 16,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 49% จากปีก่อนหน้า และมียอดโอน 36,800 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 22,300 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 14,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า
ด้าน อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ กล่าวต่อถึงทิศทางและแผนการดำเนินงานในปี 2566 ว่า บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 52 โครงการ รวมมูลค่า 75,000 ล้านบาท นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ครอบคลุมทุกกลุ่มโปรดักต์
โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ 30 โครงการ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 55,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิที่จะทุบสถิติ All-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่อยู่มากว่า 30 ปี
สำหรับโครงการใหม่ในปีนี้เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวนาราสิริ พหล-วัชรพล ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ตามมาด้วยการเปิดตัวบูก้านรวม 3โครงการบนทำเลใหม่ ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา, พัฒนาการ และพระราม 9 – เหม่งจ๋าย และต่อยอดความสำเร็จแบรนด์เศรษฐสิริ บ้านเดี่ยวลักชัวรีราคา 12-25 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวโครงการแรก เศรษฐสิริ ดอนเมือง ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม ถัดมาคือแบรนด์สราญสิริจะเปิดตัว 4 โครงการใหม่ และกลุ่มบ้านและทาวน์โฮมแบรนด์อณาสิริจะเปิดตัว 9 โครงการ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับลูกค้าทุกเซกเมนต์ทั้งพรีเมียมและระดับกลาง พร้อมจะเริ่มให้ความสำคัญทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โฟกัสไปยังหัวเมืองหลัก ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ขอนแก่น และชลบุรี 12 โครงการ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมไปถึงการเดินหน้าบุกต่างประเทศ กลุ่ม CLMV เพื่อขยายตลาดต่างประเทศ เข้ารองรับลูกค้าในประเทศดังกล่าว เพราะมีกำลังซื้อสูง ซึ่งจากเดิมแล้วแสนสิริมีลูกค้าจีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และรัสเซีย
พร้อมกันนี้ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสที่จะสร้างยอดขายจากลุ่มต่างชาติได้ โดยตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนของตลาดต่างชาติไว้กว่า 12,000 ล้านบาท โตขึ้น 54% ถ้าเทียบจากปีก่อนที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท
ส่วนคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีบนถนนสารสิน-หลังสวน ซึ่งบริษัทซื้อที่ดินมาในราคาตารางวาละกว่า 3 ล้านบาท คาดว่าจะรอให้ภาพรวมเศรษฐกิจมีสัญญาณดีขึ้นถึงจะกลับมาสานต่อ เบื้องต้นคาดว่าราคาขายจะไม่ต่ำกว่า 800,000 บาทต่อตารางเมตร
อุทัยกล่าวต่อว่า ในปีนี้ต้องมุ่งให้ความสำคัญกับพันธกิจของแสนสิริที่วางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เป็น Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายใต้ ‘Low Energy Community Model’ จากนี้ทุกโครงการต้องใช้พลังงานสะอาดด้วยแผนติดตั้ง Solar Panel ในส่วนกลางของโครงการใหม่ รวมทั้งติดตั้ง Solar Panel ในบ้านทุกหลัง โดยวางเป้าหมายติดตั้ง 1,100 หลังในปีนี้ และอีก 1,500 หลังในปีต่อไป
รวมถึงการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ในทุกโครงการใหม่ โดยวางเป้าหมายติดตั้งในโครงการจำนวน 650 หลังในปี 2566 และในปี 2567 อีก 750 หลัง