วันนี้ (2 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ END GAME #3 ดำเนินรายการโดย ออฟ-พลวุฒิ สงสกุล และ เอก-ธนกร วงษ์ปัญญา
โดยผู้ดำเนินรายการสอบถามว่าการเข้ามาอยู่ในการเมืองมีความคาดหวังตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง เศรษฐากล่าวว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะว่าถ้าเกิดตนบอกว่าตนไม่เคยคิด คนก็คงคิดว่าเป็นการโกหก ดังนั้นคิดว่าตำแหน่งอื่นตนไม่สนใจ อย่างตำแหน่งที่ไม่สามารถมีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
ผู้ดำเนินรายการจึงสอบถามเพิ่มเติมว่าตำแหน่งเดียวที่จะต้องได้รับคือนายกฯ อย่างอื่นไม่เอา เพราะตัดสินใจทำอะไรอย่างที่ต้องการไม่ได้ใช่หรือไม่ เศรษฐาจึงกล่าวว่า “ใช่ครับ มีความชัดเจนพอสมควร” อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับกลไกของพรรคและเสียงของประชาชน
ผู้ดำเนินรายการถามว่าเมื่อเศรษฐาระบุว่าต้องการอำนาจในการตัดสินใจแบบเต็มที่แล้วจะมีความเป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทยและ ทักษิณ ชินวัตร ได้หรือไม่ อย่างไร เศรษฐากล่าวว่า อย่างที่บอกว่าประเทศไม่ใช่บริษัท ตนเห็นว่าอันนี้มันเหมือนกัน เหมือนกันตรงที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรกับผู้นำประเทศก็ต้องฟังเสียงของ Stakeholder หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน ต้องฟังเสียงจากประชาชน ซึ่งเสียงประชาชนคือเสียงอันสำคัญที่สุด
ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่าเมื่อเข้าสู่อำนาจ อย่างไรก็ตาม จะปฏิเสธบารมีหรือสิ่งที่ทาบลงมาจากพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร เศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านโยบายหลายๆ อย่างนี้ใครเป็นคนคิดหรืออะไร แต่ตนดูส่วนของตน คือไม่ได้สนใจว่าคณะกรรมการบริหารใครเป็นคนคิดเรื่องข้าว เรื่องมันสำปะหลัง หรือว่าเรื่องการประมง ไม่ดูตรงนั้น
“ผมดูตรงว่านโยบายมันออกมาถึงเนี่ย สมมติ 30 ข้อ มันโดนใจหรือเปล่า ถ้ามันโดนใจแล้วเรามีเหมือนกับรัฐธรรมนูญของการอยู่ร่วมกันอยู่แล้วว่าเราจะร่วมผลักดันนโยบายเหล่านี้ออกไปสู่ประชาชนให้ได้ นโยบายตรงนี้เป็นตัวที่จะกดดันเรามากกว่าที่ต้องทำอะไร
“ส่วนกรณีนอกเหนือไปจากนี้ เราไม่ได้เสนอประชาชนไป เมื่อประชาชนเขาเลือกเราไปเพราะ 30 เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ 31 หรือ 32 ต้องตั้งคำถามว่าอยู่ในกฎหมายหรือเปล่า ถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า ชื่อเสียงผมในแวดวงธุรกิจก็ชัดเจนอยู่แล้วนะครับว่าสั่งไม่ได้ มันชัดเจนอยู่แล้ว”
อ้างอิง: