วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ว่าได้มีโอกาสพบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ ตนในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทยมีการลงทุนที่สูงขึ้น ฉะนั้นผู้ที่อยู่ในไทยต้องตื่นตัว และให้คนที่ปิดประตูว่าจะไม่กลับไทยแล้ว จึงเป็นที่มาที่ไปในโซเซียลมีเดียมาล้อว่าลูกตนอยู่เมืองนอก ก็เข้าใจดีว่าไทยเรายังต้องพัฒนา จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตนต้องเดินเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพื่อต้องการยกระดับของไทยให้ดีขึ้น ให้เป็นที่หมายปองของทุกๆ คน อยากให้คนไทยกลับมาทำงานในเมืองไทยกันเยอะๆ
แจงพูดไม่สุภาพ ‘ขี้ข้า’ พูดกับลูก และเป็นคนพูดตรงไปตรงมา
“มีนักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่ามีคำแนะนำอย่างไร ผมก็บอกว่าผมแนะนำลูกผมให้ไปเป็นขี้ข้าเขาก่อน เพราะผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ก็มีดราม่าไปพูดว่าผมพูดจาไม่สุภาพ ผมก็ต้องขอโทษ แต่อันนั้นผมพูดกับลูกผม เพราะผมเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เพื่อให้เขาเห็นภาพว่าจริงๆ แล้วการไปทำงาน การไปเป็นลูกจ้างเขาก็ลำบาก การที่เราเพิ่งจบมาใหม่ๆ เราต้องมีความอดทน ผู้บังคับบัญชาพูดจาหรือใช้อะไรอาจไม่ถูกหูเรา แต่เราต้องมีความอดทน บางครั้งอาจมีการใช้ศัพท์ก็เป็นการบริหารความคาดหวังของลูกผมมากกว่า
“ถ้าจะถามผมส่วนตัวว่ามีคำแนะนำอะไรให้กับคนรุ่นใหม่ ก็อยากให้ไปทำงานก่อน อย่าไปทำสตาร์ทอัพก่อน อยากให้ไปทำงานบริษัทใหญ่ๆ สัก 2-3 ปี ไปเรียนเรื่องระเบียบวินัย ไปสร้างคอนเน็กชัน ไปสร้างเพื่อนฝูงในบริษัทใหญ่ๆ แล้วค่อยออกมาทำงาน ก็เป็นคำแนะนำส่วนตัว ก็เห็นต่างได้ไม่เป็นอะไร” เศรษฐากล่าว
ขอบคุณเจ้าสัวธนินท์สนับสนุนดิจิทัลวอลเล็ต
นอกจากนี้ เศรษฐายังกล่าวถึงกรณีที่ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ สนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่ขณะเดียวกันยังมีเสียงต่อต้านการกู้เงินมาใช้ในโครงการว่า ก็รับฟัง พร้อมรับฟังความเห็นต่าง และขอบคุณเจ้าสัวธนินท์ที่ให้การสนับสนุน ต้องไปดูว่าความจริงแล้วประเทศเราต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยนโยบายหลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราได้ทำมาแล้ว เรื่องการสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลในระยะสั้นและระยะยาวด้วย รวมทั้งการย้ายถิ่นฐานการผลิตของบริษัทต่างๆ กว่าที่จะมีการตอกเสาเข็มและมีสินค้าออกไปก็ต้องใช้ระยะเวลาหลายปี และ 9 ปีที่ผ่านมาการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่เพียง 1.8% แต่เราต้องการวิธีใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ยันพร้อมรับฟังทุกความเห็นต่าง
เมื่อถามย้ำว่า แต่ยังมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาใช้ในโครงการ เพราะมองว่าเศรษฐกิจของเรายังสามารถที่จะเจริญเติบโตได้อยู่ ไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤตถึงขนาดจำเป็นต้องกู้เงินมา เศรษฐากล่าวว่า รับฟัง รับทราบ และอย่างที่ตนพูดมาตลอดเวลาว่ามันมีประเด็นอยู่ประเด็นเดียวคือวิกฤตและจำเป็นหรือเปล่า
แต่ตนถือว่าวิกฤต แต่ถ้าท่านบอกว่าวิกฤตคือ GDP ต้องติดลบ อันนั้นก็เป็นวิกฤต แต่ถ้ามองดูว่า 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราโตแค่เพียง 1.8% คู่แข่งของเราก็ยังเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็ต้องไปดูว่าเขาขยายตัวเท่าไร ท่านก็ไปดูตัวเลขย้อนหลังออกมาก็แล้วกัน ความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง ค่าแรงขึ้นไม่ได้ ค่าแรงขั้นต่ำก็ขึ้นไม่ได้ เพราะธุรกิจเรารายได้ไม่ขยายตัวขนาดนั้น รายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 300-337 บาท ถือว่าต่ำมาก แต่ผมเองก็เห็นใจผู้ประกอบการทั้งรายกลางและรายย่อยว่าไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ เพราะมีหลายๆ เหตุผล กว่า FTA จะเจรจาเสร็จ ใช้เวลา 1-2 ปี และกว่าเขาจะมาตั้งโรงงานได้ต้องใช้เวลาพอสมควร กว่านโยบายหลายๆ นโยบายจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องใช้เวลา และระหว่างนี้เราจะทำอย่างไร ก็ต้องฝากไว้ด้วย
อนุทินย้ำ พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมหนุนดิจิทัลวอลเล็ตหากไม่ขัด รธน.
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะตนให้สัมภาษณ์มาโดยตลอดว่า นโยบายของรัฐบาล ถ้าไม่มีสิ่งใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย พรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนนโยบายอะไรก็ตามที่ปรากฏในการแถลงนโยบายของนายกฯ ต่อรัฐสภา เราต้องสนับสนุน แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน
“ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาหนทางที่นำมาปฏิบัติให้เร็วที่สุด ต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน อาจต้องมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ด้วย ทั้งนี้ เราจะต้องดูว่าถ้าไม่มีข้อขัดข้องหรือขัดแย้งกับกฎหมาย เราก็ต้องสนับสนุน” อนุทินกล่าว