วันนี้ (29 มีนาคม) ที่ห้องสุรวงศ์ บอลรูม 2-3 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ’ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เศรษฐาระบุช่วงหนึ่งว่า ตนถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ 4-5 ท่านที่ได้เริ่มต้นมาพูดในที่นี้ ก็มีความประมาทเยอะมาก ยังได้คุยกับผู้อำนวยการหลักสูตร ขอไม่พูด ขอเป็นถาม-ตอบจะถนัดกว่า แต่วันนี้มาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ฉะนั้นการพูดเป็นอะไรที่เราต้องทำอยู่ และคิดว่าคงไม่ต้องมีใครมาถามแล้ว
วันนี้สับสนว่ามาในฐานะอะไร มาในฐานะผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์คงไม่ได้แล้ว หรือมาในฐานะศิษย์เก่า แต่มาในฐานะนายกรัฐมนตรีจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดกันและอยากเล่าสู่กันฟังหลายอย่าง พยายามที่จะสรุปให้ได้ใจความและเรื่องที่อาจจะมีความใกล้ชิดกับพวกเราในเรื่องของอสังหา โดยที่ไม่เป็นการเปิดเผยความลับของประเทศ
สำหรับหลายท่านที่รู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ตนพูดมาโดยตลอดและแปลกใจว่าทำไมคนถึงอยากมาทำกันเยอะ หลายท่านไม่ใช่จบมาแล้วมาทำอสังหาริมทรัพย์ บางคนครอบครัวทำหลายอย่าง ประสบความสำเร็จในอดีต แต่กลิ่นของอสังหาริมทรัพย์มันหอมหวน หลายๆ ท่านประสบความสำเร็จทำได้ดีมาก เพราะมีวินัยมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ จึงทำได้ดี
เศรษฐากล่าวว่า วันนี้การทำธุรกิจของทุกประเทศ ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาช่วยสังคมกันบ้าง ตนคิดว่าการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี ทำให้พัฒนาไปในอนาคต แต่ขอให้ไปแข่งขันกันอย่างถูกต้อง พัฒนาคุณภาพ เอาลูกค้าเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่แข่งขันแล้วเจ๊ง แล้วลดราคาลงมา
ดอกเบี้ยกำหนดกำลังซื้อ
“ยืนยันว่าหากจะทำอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นงานจริงๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบันนี้ ดอกเบี้ยแพงมากขนาดนี้ ควรจะลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ลด ผมว่ามันตลก ใครเป็นแฟนใครก็แล้วแต่ แต่ความจริงก็เห็นอยู่ เงินเฟ้อลด 0.8 แม้เอามาตรการรัฐสนับสนุน ลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว แต่เงินก็เฟ้อประมาณ วันนี้ก็ยังไม่ลดดอกเบี้ย” เศรษฐากล่าว
เศรษฐากล่าวต่อว่า พวกเราก็เดือดร้อนพอสมควร ตนเองก็เป็นคนในวงการอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะเรียกร้องให้หนักกว่านี้ก็มีความลำบากใจ จะหาว่าทำไปเพื่อตัวเองอีก แต่เรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดกำลังซื้อ หากดอกเบี้ยไม่ลด กำลังซื้อก็ลด เพราะกำลังซื้อเป็นเรื่องสำคัญ การเข้าถึงที่อยู่อาศัยถือเป็นการออมอย่างหนึ่ง อย่าให้ใครมาเบียดเบียนตัวเลขกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของการเก็งกำไร
เรื่องบางเรื่องเห็นอสังหาเป็นผู้ร้ายตลอดเวลา เวลามีวิกฤตอะไรเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้อย่าพูดว่าเป็นเรื่องของการมีวิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่จริงๆ แล้วเศรษฐกิจไทยต้องการจะกระตุ้น อสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลก็ควรจะกระตุ้นเรื่องนี้ แต่บังเอิญท่านซวย มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำอะไรก็ต้องระวังตัว การที่เรามีอาชีพนี้มาก่อนในอดีตมันก็เป็นที่เพ่งเล็งของสังคม ฉะนั้นการจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลัก
ขายที่ก้าวข้ามขายชาติไม่ได้
เศรษฐายังยกตัวอย่างด้วยว่า เคยพลาดแล้วโดนทัวร์ลง กรณีให้ชาวต่างชาติครอบครองที่ดิน 1 ไร่ มันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถก้าวข้ามเรื่องขายชาติได้ อะไรก็ขายชาติ มันขายไม่ได้หรอก เพราะชาติคือจิตวิญญาณของพวกเรา แต่รัฐบาลที่แล้วโดยการนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาปรึกษาตนว่า จะทำอย่างไรให้ต่างชาติเข้ามาถือที่ดินได้ ตนบอกว่าต่อให้มี 749 ต่อ 750 เสียงในสภาก็ไม่มีทางให้ต่างชาติมาถือที่ดิน
เศรษฐากล่าวต่อไปว่า ฉะนั้นกฎหมายเหล่านี้จะต้องมาแก้ไขให้ถูกต้อง ให้เหมาะสม เพื่อให้การทำธุรกรรมผ่านไปได้ รวมถึงต้องมีความรับผิดชอบ ในฐานะที่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อนก็จะพยายามทำกฎข้อบังคับเหล่านี้ เพื่อให้กฎหมายลูกที่มารองรับสามารถทำงานได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น
แม้จะมีการมองว่าเมื่อก่อนเป็นนักธุรกิจใจร้อน มาเป็นรัฐบาลแล้วเฉื่อยชา แต่มีสิ่งที่ต้องคำนึงมีหลายเรื่อง ตนคิดถึงพวกเราทุกคนในห้องนี้เสมอ สมัยก่อนตนทำงาน 7 วัน วันเสาร์และอาทิตย์ก็ทำ ดูทุกโครงการตรงนี้ แต่พอหายไป 13 เดือน มีความรู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะ เชื่อว่ามีวิทยากรหลายท่านที่มีความเหมาะสมที่จะให้ความรู้ มีความสามารถ สำหรับตนให้ได้คือจิตวิญญาณของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ดิจิทัลวอลเล็ตตรวจสอบได้ ยืนยันไม่มีทุจริต
เศรษฐากล่าวถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตว่า เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเศรษฐกิจโต 1.8% ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่มีอะไรดีใน 10 ปีที่ผ่านมา การแบมือขอเงินคนไปเรื่อยๆ ไม่เกิดประโยชน์ แต่การที่เราทำดิจิทัลวอลเล็ต ตนยืนยัน โดยอัดเสียงไว้ก็ได้ว่า ไม่มีการทุจริต เป็นการส่งตรงจากภาครัฐ ผ่านเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล (Blockchain) ที่สามารถตรวจสอบได้
ถามว่าได้หมดทุกคนหรือไม่ อยู่ที่ฐานเงินเดือนที่กำหนดไว้ 70,000 บาท และที่ดีเลย์มานานขนาดนี้เพราะบอกไม่ให้คนรวย ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครคือคนรวย 70,000 บาทยังบอกอยู่เลยว่ายังเป็นหนี้ แต่ไม่ใช่คนรวย ก็ต้องคัดที่มาที่ไป ยืนยันว่ารัฐบาลให้ทุกคน คนที่มีเงินจำนวนมากอาจไม่ใช้ แต่ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม เมื่อมีองค์กรเสนอแนะมา เราก็พยายามที่จะรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนให้เหมาะสม
เดินสายต่างประเทศไม่สนุก แต่ทำเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
เศรษฐากล่าวต่อว่า ตนไปเมืองนอกมา 10 กว่าครั้ง ไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว เพื่อรองรับการลงทุน คนที่ไม่ใช่แฟนคลับบอกไปตั้งหลายครั้ง อะไรก็ไม่เกิด ขอถามหน่อยว่า 7 เดือนมีใครตกลง ได้ลงทุนเป็นแสนล้าน
“คุณจะทำคอนโด หมู่บ้านจัดสรร ใช้เวลาตัดสินใจเท่าไรกว่าจะตอกเสาเข็ม ผลงานยังไม่ออก คอยไปก่อน วันนี้ขี้เกียจไปตอบผู้ที่นั่งทางในอยู่บนหอคอยทั้งหลาย ลงมามือเปื้อนดินตีนเปื้อนโคลนบ้าง อันนี้ นโยบายนี้ การเดินทางไปเมืองนอกไม่สนุก แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ ประเทศไทยปิดมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตารางงานผมแน่นมาก วันหนึ่งไป 19 วง ไม่สนุก ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ต้องไป เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการลงทุน เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทำให้เรามีกิน มีใช้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” เศรษฐากล่าว
ย้ำไม่มีเลียรองเท้าบู๊ตแลกพื้นที่สนามบิน
นอกจากนี้เศรษฐายังกล่าวด้วยว่า ตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ลงพื้นที่ภาคใต้ 3 วัน 2 คืน ตนไม่ให้มีใครใส่เสื้อเกราะหรือทหารใส่รถถังตามมา เพราะมั่นใจว่าไปด้วยเจตนารมณ์ที่ดี ไปด้วยความตั้งใจจริง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มี สส. ที่นั่น ขออย่าไปเชื่อวาทกรรมที่ผู้นำบางท่านพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ สนามบินจังหวัดภูเก็ต พรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แต่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท
ขณะที่สนามบินดอนเมืองเปิดวันนี้ยังเต็ม เครื่องลงก็ลำบาก แต่มีวาทกรรมบอกว่า นายกรัฐมนตรีเลียรองเท้าบู๊ต ยืนยันว่าไม่ได้เลีย แต่เราพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม ตนไม่ได้ไปบอกว่าทหารมีพื้นที่เยอะไป ให้ไปยึดพื้นที่มา แต่ไปขอร้อง ไปอธิบายให้ฟัง หากท่านคืนสนามกอล์ฟตรงนี้มา จะเกิดประโยชน์กับประเทศไทยขนาดไหน ท่านต้องการอะไรเป็นผลตอบแทน บอกว่าสนามกอล์ฟปีละ 5 ล้านบาท ตนก็ให้เอาสนามกอล์ฟออกไป
ข่าวดี คนไทยมีนายกฯ Pro Business
เศรษฐากล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีเรื่องดีๆ อีกมากมายที่ซ่อนอยู่ มีอีกหลายเรื่องที่อยากพูด แต่ต้องยอมรับว่าประเทศเรามีปัญหาการลงทุน รักใครชอบใครเยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีคือ หมดปีงบประมาณไปแล้ว 6 เดือน ยังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาท ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะสามารถใช้ได้ ซึ่งเหลืออีกแค่ 5 เดือน งบประมาณตัวนี้บวกกับงบประมาณปี 2568 จะมีการลงทุนเยอะมาก ซึ่งถือเรื่องของข่าวดี และข่าวดีอีกเรื่องก็คือ มีนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจ Pro Business และมีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ทุกภาคส่วน จะพยายามทำให้ดีที่สุด ขอให้เป็นกำลังใจและให้มีความอดทนต่อไป