วันนี้ (21 ตุลาคม) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงริยาด ซึ่งช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) ที่โรงแรม The Ritz-Carlton กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปการพบปะและหารือของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับ ซุลัยมาน อัรรุมัยฮ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท Saudi Agricultural and Livestock Investment Company (SALIC) ซึ่งดำเนินธุรกิจปศุสัตว์รายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย
โดยชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลใหม่ที่จะสานต่อความสำเร็จของรัฐบาลที่ผ่านมา และส่งเสริมความสัมพันธ์กับภาคเอกชนซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งผลักดันความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับ SALIC ในด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และอาหาร ทั้งนี้ ได้เชิญ SALIC เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการด้านการลงทุน ภายใต้สภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย (STCC) ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับภาคเอกชนซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ ยาเซอร์ บิน อุสมาน อัล-รูมัยยาน ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Governor of the Public Investment Fund: PIF) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก, อามิน ฮัซซาน อาลี นัซเซอร์ ประธานกรรมการและซีอีโอรัฐวิสาหกิจ Saudi Arabian Oil Company (Saudi ARAMCO) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่มีรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นแหล่งสำรองน้ำมันดิบที่ใหญ่และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก รวมทั้ง อับดุลราห์มัน อัล-ฟากีห์ ประธานบริหารและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร Saudi Arabia Basic Industries Corporation (SABIC) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของโลก
โดยชัยเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีและภาคเอกชนซาอุดีอาระเบียทั้ง 3 บริษัท เห็นพ้องถึงการให้ความสำคัญต่อการกระชับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยทั้งสองประเทศต่างมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและยินดีขยายการส่งเสริมการค้าและการลงทุนซึ่งกันและกัน รวมถึงยินดีอำนวยความสะดวกในความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น เช่น การบริการและการท่องเที่ยว พลังงานสะอาด อาหารและการเกษตร ปิโตรเลียม รวมทั้งปุ๋ยด้วย
นอกจากนี้ภาคเอกชนซาอุดีอาระเบียยังพร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนในสาขาอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียหวังว่า ไทยและซาอุดีอาระเบียจะส่งเสริมและมีความร่วมมือกันด้านการลงทุนมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนภาคเอกชนซาอุดีอาระเบียเยือนไทย เพื่อศึกษาและหารือเกี่ยวกับศักยภาพและความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมนำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย โดย PIF เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีศักยภาพ และแสดงความสนใจในโครงการฯ ด้วย
