วันนี้ (17 กรกฎาคม) ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวก่อนการประชุมแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ในวันนี้จะมีการหารือระหว่าง 8 พรรค พร้อมกล่าวต่อว่า ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองได้มีเวลารวบรวมข้อมูลร่วมกับคณะทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจซึ่งมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องภาระหนี้เสีย เรื่องเขตเสรีการค้า (FTA) รวมถึงการแข่งขันเรื่องแย่งการลงทุนในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือเรื่องอื่นๆ หากไม่รีบเจรจาก็จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตนเองมองว่าเรื่องเหล่านี้มีความสำคัญและต้องเร่งให้มีการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว. ยกข้อบังคับยื่นญัตติซ้ำเสนอให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ ไม่ได้ เศรษฐาในฐานะแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐาบอกว่าคำถามดังกล่าวเป็นคำถามที่มีการพูดคุยกันตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว หากไม่พร้อมก็คงไม่มีชื่อของตนเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องการเตรียมความพร้อมในการตั้งรัฐบาล ทั้งการเตรียมนโยบายสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งแรก เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดตั้งพรรครัฐบาลหากไม่มีพรรคก้าวไกลเศรษฐาพร้อมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน ตามที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้กล่าวไปแล้ว หากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน 8 พรรคร่วมต้องมีการพูดคุยกัน และแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็มีถึง 3 คน ดังนั้นไม่ขอก้าวล่วง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากสมการพรรคร่วมรัฐบาลมีมากกว่า 8 พรรคการเมือง เพิ่มพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคอื่นๆ พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าเรื่องนี้ยังไกลเกินไปและขอให้มีการพูดคุยกันภายใน 8 พรรคร่วมก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากกรรมการบริหารพรรคมีสมการใดก็ตามให้เศรษฐารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าขอให้มีการพูดคุยในส่วนนั้นก่อน ซึ่งต้องมีหลักการหลายอย่างที่ต้องพูดคุยกัน พร้อมยืนยันว่าเรื่องปากท้องของประชาชนสำคัญที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไขในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เศรษฐากล่าวว่าตอนนี้ยังไม่มีเงื่อนไขอะไร ตอนนี้ยังต้องพูดคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องราคาน้ำมัน อีกหลายๆ เรื่อง พร้อมกล่าวต่อไปว่าอย่าลืมว่าการเป็นนักการเมืองที่ต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงระยะหลังโดนกระแสตีกลับว่าเศรษฐาต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เศรษฐากล่าวว่า “ครับ” ซึ่งคำว่าครับนั้นไม่ได้หมายความว่ารับหรือไม่รับ แต่หมายถึงว่ารับทราบต่อกระแสตอบรับ แต่วันนี้เรื่องปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องที่พวกเรามีความกังวลใจ หากเราสามารถไปกับพรรคก้าวไกลได้ เราก็พร้อมที่จะเสนอนโยบายในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากกรรมการบริหารพรรคมีความคิดเห็นอย่างไร เศรษฐาพร้อมที่จะทำตามมติพรรคใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าเราเล่นกีฬาเป็นทีม เราเป็นประชาธิปไตย เมื่อกรรมการบริหารพรรคมีมติเป็นอย่างไรตนเองพร้อมรับ ไม่อยากพูดให้เป็นการกดดันใดทั้งสิ้น
เมื่อถามถึงเงื่อนไขการรับตำแหน่งนายกฯ เศรษฐากล่าวว่ายังไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เพราะเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจน่ากังวลกว่า การดูแลพี่น้องประชาชนสำคัญกว่า ส่วนที่ระยะหลังพรรคเพื่อไทยมักถูกกระแสตีกลับ มีการกล่าวหาว่าเศรษฐาอยากเป็นนายกฯ เศรษฐาตอบว่า “ครับ รับทราบเสียงที่ตอบกลับมา” พร้อมย้ำว่าถ้าจะไปกับพรรคก้าวไกล เราก็พร้อมที่จะเสนอนโยบายในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้
“ผมเล่นกีฬาเป็นทีม เราเป็นประชาธิปไตย คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติอย่างไรผมพร้อมน้อมรับ ไม่อยากพูดให้เป็นการกดดันอย่างไรทั้งสิ้น”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแม้จะถูกมองว่าข้ามขั้วก็ตามใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าขอให้คุย 8 พรรคให้รู้เรื่องก่อน วันนี้ขอพูดเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนสนใจ เราเล่นการเมืองกันมาเยอะมากแล้ว