วันนี้ (26 สิงหาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือผู้ประกอบการจังหวัดพังงา โดยมีการถามถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งมีเนื้อหาในลักษณะส่งมอบงานต่อว่า ตอนยังไม่ได้อ่านข้อความของ พล.อ. ประยุทธ์ เดี๋ยวจะรับไปพิจารณา และมีหลายคนที่อยู่ในรัฐบาลเดิม ทางเราขออนุญาตไปพูดคุยและไปรับฟังงานที่ทำค้างไว้ โดยเฉพาะงานลงทุนที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่สามรถต่อยอดไปได้
ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ริเริ่มไว้ พรรคเพื่อไทยจะสานต่ออย่างไร เศรษฐากล่าวว่า ต้องมาดูว่าจะสามารถทำได้ หรือทำไม่ได้อย่างไรบ้าง ช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์เปลี่ยนไปมากเช่นเดียวกัน บางอย่างจะล็อกไปยาว 20 ปี ก็จะต้องดูในเรื่องความเหมาะสมด้วย เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปพอสมควร ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ควรศึกษาให้ดีก่อน
สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สื่อนำเสนอมานั้น ใกล้เคียงแล้วใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ตอนนี้ใกล้เคียงมาก พยายามเต็มที่ ซึ่งรู้ว่าสื่อมวลชนต้องการที่จะทราบเรื่องนี้ ส่วนรายชื่อของแต่ละกระทรวงตรงกับที่สื่อนำเสนอหรือไม่ เศรษฐาย้ำว่า ตนคิดว่าใกล้เคียง ตนไม่อยากไปก้าวล่วงเพราะมีคณะเจรจา และความคืบหน้าในการเจรจาไปในทิศทางที่ดี ซึ่งต้องมีการลงรายละเอียด รัฐมนตรีช่วยจะควบคุมกรมอะไร อยู่ระหว่างการต่อรองและการพูดคุยกัน สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือความถนัดของบุคคลที่จะมาดูแลในกรมนั้นๆ ด้วยเหมือนกัน เพราะเราคำนึกถึงความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องการแบ่งสรรอย่างเดียว พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีความลงตัวและใกล้เคียงแล้ว กรณีที่มีข่าวออกมาว่าจะมีการขยับกระทรวงใหญ่ เช่น กระทรวงศึกษา ในเรื่องนี้มีความใกล้เคียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า โควตารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยที่ได้กระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นการเสียการปกครองหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ต้องดูไปก่อน และขอดูว่าการแบ่งกันอย่างไร เนื่องจากมีในส่วนของรัฐมนตรีช่วย ขอให้ใจเย็นๆ
อย่างไรก็ตามตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยเดิมทีมีชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรค แต่พรรคเพื่อไทยยอมที่จะยกให้อนุทินไป ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เจ้าตัวจะเสียใจหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “นิดหนึ่งนะ ขอให้ใจเย็น ผมว่าทุกคนเข้าใจหมดตำแหน่งกระทรวงใหญ่ ซึ่งเข้าใจว่าได้พูดคุยกันแล้วและคิดกันดีแล้ว หลายท่านที่เป็นผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้มีความชำนาญแค่กระทรวงเดียว หลายคนก็ผ่านการดูแลงานมาเยอะ เชื่อว่าการจัดสรรทุกอย่างเหมาะสม”
เศรษฐากล่าวถึงผลสำรวจความนิยมของศรีปทุมที่มีความนิยมของพรรคเพื่อไทยลดลงกว่า 60% ว่า ต้องเอาผลงานอย่างเดียวเป็นเครื่องพิสูจน์ วันนี้ก็ทำงานอย่างเดียวเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่เหน็ดเหนื่อย ส่วนเรื่องความคาดหวังและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทย เราควบคุมไม่ได้ แต่ยืนยันว่าคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย ถ้าได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนจะเต็มที่ เพราะเข้าใจถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจและสังคม และเข้าใจที่จะต้องเดินไปข้างหน้า