วันนี้ (8 มิถุนายน) ที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จังหวัดเชียงใหม่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน 2567 ถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวว่า เรื่องเมืองน่าเที่ยวยังมีอีก 55 เมือง ซึ่งเริ่มคิกออฟที่จังหวัดเชียงใหม่ และจะขยายไปอีกเพราะเมืองไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือพัทยา แต่การที่เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 10,000,000 คนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การใช้จ่ายต่อหัวกับระยะเวลาในการอยู่ภายในประเทศก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ สามารถกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคหรือจังหวัดเมืองรอง และเป็นเรื่องที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นด้วย และพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น
ส่วนมาตรการเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาท (ค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน) ซึ่งมีภาคเอกชนออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน เศรษฐากล่าวว่ายังอยู่ในแนวคิด เพราะเราอยากให้คนเข้ามาก่อน 300 บาทต่อหัวก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราจะได้ แต่หากนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากกว่า แล้วไม่ต้องเสียเงิน 300 บาท แต่มาจับจ่ายมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ร้านอาหาร ร้านขายของต่างๆ เชื่อว่ารัฐบาลก็จะได้รายได้สูงกว่าตรงนี้ อย่างไรก็ตามก็จะต้องฟังจากทุกเสียง
เมื่อถามว่าหากมีการยกเลิกมาตรการดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถนำรายได้ส่วนไหนมาทดแทนกองทุนฯ ที่ขาดหายไป เศรษฐากล่าวว่า หากมีรายได้เสริมจากด้านอื่น เช่น การเก็บภาษี เราก็สามารถที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อมาเข้าในกองทุนนี้ได้อยู่แล้ว
ส่วนการจัดอันดับการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวจาก World Economic Forum (WEF) พบว่าไทยตกลงไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขอให้ก้าวข้ามว่าเป็นความผิดของใคร เนื่องจากรัฐบาลนี้มาเพื่อที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต้องให้เกียรติรัฐบาลเก่า เชื่อว่าทุกคนสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้ และตนก็ยังไม่เห็นรายงานของ WEF ดังกล่าว ดังนั้นอย่าฟังเพียงบางเสียง ตรงไหนที่ฟังแล้วมีกำลังใจมีเหตุมีผลก็นำเอาไปพัฒนาต่อได้ ขอให้เอารายได้ของประชาชนเป็นหลัก เสียงสำคัญที่สุดคือเสียงของประชาชน
เมินดราม่าหวยเกษียณ ขอทำประโยชน์เพื่อ ปชช.
เศรษฐากล่าวถึงกรณีที่มีดราม่านโยบายหวยเกษียณว่า รัฐบาลลอกนโยบายมาจากพรรคไทยสร้างไทย ว่าก็ไปดูเรื่องของโซเชียลมีเดียฟุตพรินต์ก็แล้วกัน ตนไม่อยากมาเถียงเป็นวาทกรรม
“ผมว่าเราก้าวข้ามตรงนั้นไปดีกว่า รัฐบาลผมจัดตั้งได้แล้ว ถ้าพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ เรามาโฟกัสตรงนี้ดีกว่า นโยบายหลักอย่างที่บอกไปมันมีรายละเอียดเยอะแยะที่ต้องทำ ผมคิดว่าไปโฟกัสและเอาพลังงานของพวกเราทุกคน ไปดูว่ารายละเอียดที่จะออกมาทำอย่างไรถึงจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้ดีที่สุดตรงนั้นดีกว่า” เศรษฐากล่าว
ส่วนการเร่งนโยบายนี้ให้เร็วขึ้นนั้น ขณะนี้ก็มีเรื่องต้องเรียงลำดับความสำคัญมากมายและก็ถูกกดดัน แต่เชื่อว่า จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะทำงานอย่างเต็มที่และทำให้เร็วขึ้น ขณะที่โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 1,0000 บาท ยังเป็นไปตามกรอบกำหนดการเดิม
เศรษฐายังกล่าวถึงกรณีที่บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ของญี่ปุ่นประกาศปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2568 ว่า เราเคารพการตัดสินใจของซูซูกิ แต่ต้องยอมรับว่าส่วนแบ่งการตลาดของเขาค่อนข้างน้อย อีกทั้งการผลิตของเขาอาจจะไม่ตรงความต้องการของไทย ก็ขอให้เขาโชคดีในการมีแผนงานใหม่เข้ามา แต่เราก็ยังมีอีก 6-7 บริษัท ก็มีเพียงบริษัทซูซูกิบริษัทเดียวที่ถอนตัวจากไทย และเชื่อว่าผลบวกเรายังมีอีกมาก แต่อย่างไรก็ตามซูซูกิยังผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย อีกทั้งยังมีศูนย์บริการจำหน่ายอะไหล่และซ่อมบำรุง สามารถให้บริการลูกค้าคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง
