×

เปิดสาระสำคัญร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเวอร์ชันรัฐบาลเศรษฐา แก้ ปพพ. ให้บุคคลทุกเพศแต่งงานได้ ส่งกฤษฎีกาตรวจแล้ว

โดย THE STANDARD TEAM
21.11.2023
  • LOADING...

วันนี้ (21 พฤศจิกายน) คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) (ฉบับที่…) พ.ศ. … (สมรสเท่าเทียม) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ

 

เปิดสาระสำคัญร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับรัฐบาลเศรษฐา

 

สำหรับสาระสำคัญในการแก้ไขเพื่อให้บุคคลสองคนไม่ว่าเพศใดสามารถทำการหมั้นและสมรสกันได้ รวมทั้งแก้ไขบทบัญญัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัว เท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิง ซึ่งจะเปลี่ยนจาก ‘ชาย-หญิง’ เป็น ‘บุคคล-บุคคล’ และ ‘ผู้หมั้น-ผู้รับหมั้น’

 

สำหรับหลักการและเหตุผลของกฎหมายระบุไว้ว่า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายให้การรับรองสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีคู่รักเพศเดียวกันอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวจำนวนมาก โดยขาดเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการความสัมพันธ์ทางครอบครัว 

 

ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อครอบครัวหลากหลายทางเพศหลายประการ เช่น สิทธิในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาล สิทธิในการอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน สิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน และสิทธิในการรับมรดก 

 

ประกอบกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาว่า รัฐบาลจะผลักดันให้มีกฎหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ นายกรัฐมนตรีจึงมีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่)… พ.ศ. … (สมรสเท่าเทียม) ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประเทศไทย ทั้งในมิติด้านสังคมและการสร้างครอบครัว โดยจะทำให้เกิดการยอมรับในทางกฎหมายกับการสร้างครอบครัว การอยู่ร่วมกันของบุคคลมีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ของคู่สมรสเพศเดียวกัน

  

“คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการจัดทำร่างกฎหมาย เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป” คารมกล่าว

 

ไม่กระทบชาวมุสลิม

 

มีรายงานว่า ในวงประชุมคณะรัฐมนตรี ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความกังวลต่อกรณีผู้ที่นับถืออิสลามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (จังหวัดยะลา, จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี) ขณะที่ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้เสนอร่าง ได้ชี้แจงว่า ใน 3 จังหวัดมีการใช้กฎหมายชะรีอะห์ หรือกฎหมายอิสลาม (Personal Law)  ที่ว่าด้วยครอบครัวและมรดกเป็นเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้นยืนยันว่าร่างกฎหมายนี้จะไม่กระทบกับชาวมุสลิม 

 

สำหรับพื้นที่ชายแดนใต้ในกรณีที่โจทก์และจำเลยที่เป็นมุสลิมจะต้องใช้กฎหมายอิสลาม จะใช้กฎหมายแพ่งไม่ได้ แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เป็นชาวมุสลิม ก็ต้องใช้กฎหมายของแผ่นดิน ซึ่งกฎหมายอิสลามจะใช้ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี, นราธิวาส, ยะลา และสงขลา 

 

มีรายงานด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ. ของรัฐบาลแตกต่างจาก พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล โดยร่างกฎหมายนี้มีรายละเอียดที่กว้างขึ้น ส่วนร่างจะมีรายละเอียดอย่างไรต้องรอที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา

 

ประชาชน 96% ‘เห็นชอบ’

 

มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในรูปแบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ law.go.th และระบบ Google Forms บนเว็บไซต์ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 14 พฤศจิกายน 2566 และได้รับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้แทนกลุ่มศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 และผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอ (Video Conference) ร่วมกับทุกภาคส่วนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 4 ครั้ง ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน – 10 พฤศจิกายน 2566 โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและรับฟังความเห็นในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม กลุ่มความหลากหลายทางเพศ และประชาชน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้แทนส่วนราชการวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 โดยส่วนใหญ่เห็นชอบในหลักการด้วย 96 %

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X