เมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม) เวลา 19.00 น. ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสภาพอากาศ จากว่าที่ ร.ต. ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ
ว่าที่ ร.ต. ธนะสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่าน ส่งผลให้ภาคเหนือและภาคอีสานได้รับผลกระทบจากฝน มีน้ำท่วมขัง และดินสไลด์บางพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนถึงวันที่ 7 กันยายน สำหรับข้อกังวลเรื่องพายุโคอินุ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ
ด้าน สุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำว่า ภาพรวมจากปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2566 เป็นต้นมา ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่ เช่น ลุ่มน้ำวังมีพื้นที่น้ำท่วมเนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำวังล้นตลิ่งส่งผลกระทบกับจังหวัดลำปาง
จากปริมาณฝนที่ตกในเขตจังหวัดแพร่ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น เริ่มมีผลกระทบกับจังหวัดสุโขทัยบางส่วน ลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านยังคงสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการน้ำและจัดจราจรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด
ในส่วนลุ่มน้ำชี-มูล พื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำชีปริมาณน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่แม่น้ำชีตอนล่างยังคงมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร แต่มีแนวโน้มลดลง และในส่วนของลุ่มน้ำมูลมีน้ำท่วมบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากปริมาณน้ำล้นตลิ่งบริเวณสถานี M.7 อำเภอวารินชำราบ โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งปัจจุบันสามารถระบายน้ำได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์และดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ทำให้วันนี้ต้องมาดูงานด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชุมร่วมกันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อไม่เป็นการรบกวนหน้างานของผู้ที่ทำงานหนักอยู่ในพื้นที่ โดยมาร่วมกันประเมินสถานการณ์น้ำและร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้การทำงานคล่องตัวที่สุด เบื้องต้นเป็นห่วงสถานการณ์ในจังหวัดลำปาง แพร่ และอุบลราชธานี ที่ถึงแม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องดูแล ฟื้นฟู และซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะขณะนี้จังหวัดสุโขทัยน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะต้องรองรับมวลน้ำที่ไหลลงมาจากจังหวัดแพร่ ซึ่งไหลเข้าท่วมในพื้นที่เกษตรกรรมและตัวเมืองบางส่วนแล้ว
ชัยกล่าวต่อว่า นายกฯ ย้ำด้วยว่า เรื่องสำคัญที่ต้องหารือคือการวางแผนรับมือกับมวลน้ำที่จะเข้ามาอีกระลอก ซึ่งจะซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลงไปกว่าเดิม การประชุมวันนี้ขอให้ทุกท่านให้ความเห็นอย่างเต็มที่ ติดขัดอะไรขอให้พูดกันตรงๆ เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดและทันสถานการณ์ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 5 ด้าน ประกอบด้วย
- สถานการณ์น้ำ ให้กรมชลประทานบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดจราจรน้ำในลุ่มน้ำชี-มูล, ลุ่มน้ำยม-น่าน และลุ่มน้ำเจ้าพระยา
- ให้หน่วยงาน ได้แก่ จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมชลประทาน ตรวจสอบความมั่นคงของพนังกั้นน้ำ สะพาน และอาคารชลประทาน ให้มีความมั่นคงและพร้อมใช้งานตลอดช่วงฤดูน้ำหลาก
- การช่วยเหลือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัย และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เช่น เร่งซ่อมแซมที่อยู่อาศัย กำจัดขยะที่มากับน้ำ และตามที่ประชาชนร้องขอ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการระดมสรรพกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพ และหน่วยงานท้องถิ่น
- พยากรณ์อากาศ ให้กรมอุตุวิทยาติดตามสภาพอากาศ และแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งเตือนสภาพอากาศกับประชาชน เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด โดยการแจ้งเตือนให้กรมชลประทานร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในพื้นที่ให้ทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง