วันนี้ (6 ตุลาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน กฉ 5454 อุบลราชธานี มายังสำนักงานชลประทานที่ 7 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย สั่งการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมช่วงหนึ่งว่า เป็นที่ประจักษ์ว่าจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ข้างเคียงมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ซึ่งท่วมแล้ว ท่วมอีก ท่วมต่อไป ตนเข้าสู่การเมืองก็ตระหนักดีเสมอถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องหาทางแก้ไขบูรณาการระยะยาวให้ได้ เพราะปัญหาใหญ่สะสมหมักหมมมานาน ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งที่ผ่านมามีน้ำท่วมที่จังหวัดแพร่และสุโขทัยเยอะมาก ตนเป็นห่วงเรื่องการเยียวยา ขณะที่จังหวัดอุบลราชธานียังไม่ถึงเวลาวิกฤตจริงๆ แต่หากไม่ทำอะไรไว้ก่อนก็จะอาจเกิดวิกฤตขึ้นได้ ซึ่งที่จังหวัดอุบลราชธานีจะเกิดผลกระทบภาคอุตสาหกรรมมหาศาล เรื่องโรคระบาดที่จะตามมาก็เป็นเรื่องใหญ่
เศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลนี้ตระหนักดีว่ามันจะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ไม่ถึงเดือน ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ซึ่งฝ่ายบริหารได้ลงพื้นที่ โดยกรมชลประทานลงถึง 2 ครั้งแล้ว เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาระยะสั้นยังทำได้อีก และทำได้มากกว่าที่เคยทำ และต้องทำได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชน
“เวลาเราเหลือน้อย ฤดูนี้น้ำกำลังจะมา หากทำอะไรกันได้ก็อยากให้วางแผนระยะสั้น ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เยอะกว่าปีที่แล้ว และต้องน้อยลงเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมีข้อสั่งการอยู่หลายข้อ” เศรษฐากล่าว
เศรษฐากล่าวอีกว่า ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยดูแลพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าเหนือสิ่งอื่นใด เมื่ออุทกภัยเกิดขึ้นแล้วเชื่อว่าทุกท่านพร้อมตนก็คงไม่ต้องสั่งการ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่ พัฒนาระบบเตือนภัย กระจายข่าวสาร ตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างบังคับกำกับน้ำทั้งหลาย ตลอดจนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แนวทางการฟื้นฟูเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว และรายงานความคืบหน้าให้ทราบ อันนี้เป็นเรื่องหลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นเราทำกันเต็มที่แล้วหรือยังให้กลับมาดูตัวเองนิดหนึ่ง แม้ทุกคนพยายาม แต่ขอให้คิดนอกกรอบนิดหนึ่ง
เศรษฐากล่าวว่า อย่าไปสรุปว่ามันต้องท่วม เราต้องการสะพานจากผู้บัญชาการแม่ทัพภาค 2 ต้องการเรือ หรือวิธีการเตือนภัย หากเราคิดและสามารถทำไม่ให้ท่วมหรือให้ท่วมน้อยที่สุด หรือหากท่วมแล้วระบายเร็วที่สุด ตนเชื่อว่าเวลายังพอมีอยู่บ้าง สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นระยะหลังเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม และเพิ่งเพิ่มช่วงเดือนนี้ ดังนั้นตนคิดว่าช่วงที่แย่ที่สุดยังไม่มา ถือเป็นช่วงที่ดีเรายังมีทางป้องกันได้อยู่ จะต้องมีวิธีการระบายน้ำที่อาจต้องมีวิธีการที่ใช้คำว่าเสี่ยงนิดหนึ่ง และต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้เพื่อไม่ให้เกิดอุทกภัย
นอกจากนี้เศรษฐายังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ในปีที่ผ่านมาห้วงเวลาเดียวกัน อุบลราชธานีน้ำท่วมสูงกว่า 1 เดือน และจะให้เหตุการณ์เกิดขึ้นในปีนี้อีกไม่ได้ แล้ววันนี้ทุกหน่วยงานก็มาอย่างครบถ้วน ซึ่งทุกคนยืนยันว่าพร้อมหากมีอุทกภัยเกิดขึ้น ที่จะช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบประชาชนพร้อมกับมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ และติดตามสถานการณ์น้ำ รับฟังการบรรยายสรุป และดูสถานที่จริงของระดับและปริมาณน้ำ ที่สถานีตรวจวัดระดับน้ำ (M7) บริเวณเชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลังเดินเข้าไป ได้หยุดพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุที่มารอต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีถามถึงความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในพื้นที่ ว่ามีรายได้ มีงานทำหรือไม่ ผู้สูงอายุบอกว่าไม่มี นายกรัฐมนตรีจึงบอกว่าขอให้รอต้นปีหน้า ก็จะมีเงินดิจิทัล 10,000 บาทมาช่วยเหลือแล้ว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการพระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นตัวแทนคณะสงฆ์รับมอบถุงยังชีพเพื่อไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี