วันนี้ (18 มกราคม) ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum
โดยมีกำหนดการพบปะผู้บริหารบริษัทระดับโลก องค์กรระดับโลก อาทิ บริษัท Nestlé ซึ่งผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินค้าจำหน่ายและมีโรงงานอยู่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย บริษัท Robert Bosch เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำของโลก ด้านการขับเคลื่อน อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีพลังงานและอาคาร บริษัท Google ผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุด และการหารือกับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ โดยนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 19 มกราคม เวลา 10.40 น.
รัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวก Nestlé ขยายการผลิตอาหารสัตว์
โดยการพบปะกับ เรมี เอเจล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา บริษัท Nestlé นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้บริษัทฯ ได้ขยายการผลิตอาหารสัตว์ โดยจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตและการส่งออก แต่ยังติดปัญหากรอบความร่วมมือทางการค้า FTA ยังมีไม่ครอบคลุม รวมถึงข้อจำกัดทางกฎหมาย และขั้นตอนที่ทับซ้อน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกการดำเนินธุรกิจ โดยให้มี Single Form พร้อมประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดประเด็นนี้
เห็นพ้องสร้างความเชื่อมโยงทุกระดับ
ขณะที่การหารือกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ความขัดแย้งและความไม่สงบทั่วโลก รวมถึงความจำเป็นของประเทศต่างๆ ที่จะเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และความเชื่อมโยงระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งในระดับประชาชนและด้านเศรษฐกิจ พร้อมเห็นพ้องกันในการเดินหน้ากับการเจรจาความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ไทย-อียู ให้บรรลุผลโดยเร็ว
Robert Bosch ส่งเสริมไทยรองรับตลาดรถยนต์ EV
ส่วนการหารือกับ คริสเตียน ฟิสเชอร์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท Robert Bosch ได้พูดคุยถึงการลงทุนของบริษัทฯ ในประเทศไทย ทั้งในด้านการขับเคลื่อน และธุรกิจที่ไม่ใช่ด้านการขับเคลื่อน โดยโรงงานในประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางในการผลิตส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมไปถึงญี่ปุ่นด้วย
บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะขยายการผลิตไปสู่การผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ EV โดยจะสร้างโรงงานเพิ่มในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้เต็มศักยภาพได้ภายในปี 2026 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชวนให้บริษัทฯ มาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในไทย โดยพร้อมจะสนับสนุนในด้านต่างๆ
Google นำเทคโนโลยีเสริมสาธารณสุข-รายได้เกษตรกรไทย
นายกรัฐมนตรียังได้พบปะกับ รูธ โพรัท ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนของ Alphabet และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ Google ถึงการลงทุน Cloud Center ของ Google ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางที่ดี โดยที่ Google มีความตั้งใจที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในระบบบริการสาธารณสุข ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะยกระดับรายได้ของเกษตรกรไทย เพื่อให้ประชาชนทุกระดับได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังจะเข้ามา
ค่าแรงขั้นต่ำดึงนักลงทุน ทำประเทศเหลื่อมล้ำ
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียระบุว่า “สิ่งสำคัญที่ผมเน้นย้ำเสมอทั้งในเวทีผู้นำและเวทีธุรกิจต่างๆ คือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งระบบของไทยเปรียบเสมือนพีระมิด ข้างบนผมไม่ห่วง แต่ฐานข้างล่างพีระมิดที่เป็นเหมือนฐานของประเทศ ตรงนี้ผมให้ความสำคัญครับ ในเวที Learning from ASEAN ผมได้อธิบายว่าไทยมีศักยภาพการดึงดูดนักลงทุนหลายด้าน ไม่ใช่เรื่องค่าแรงที่ต่ำ ซึ่งผมได้พยายามแก้ปัญหาและปรับค่าแรงให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน”
นายกรัฐมนตรีระบุว่า การชักชวนนักลงทุนด้วยค่าแรงที่ต่ำไม่เกิดประโยชน์ต่อแรงงานไทย ศักยภาพ ทักษะต่างๆ ที่จะไม่ได้พัฒนา และกลายเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำที่แก้ยากยิ่งกว่า ซึ่งตนได้คุยถึงปัญหาค่าแรงต่ำกับผู้นำอาเซียน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ว่าเราต้องปรับเปลี่ยนแล้ว ไม่ขายนักลงทุนด้วยค่าแรงที่ต่ำ
ไทยเองสามารถดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว ด้วยศักยภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบ Infrastructure, Clean Energy, Healthcare, International School, No Corruption, Skilled Labour และที่สำคัญรัฐบาลเร่งการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ รวมไปถึงโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกด้วย
