วานนี้ (22 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เปิดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจให้แก่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับฟังเป็นการภายใน โดย 3 เรื่องหลักที่เศรษฐายกขึ้นชี้นำพรรคเพื่อให้เกิดการพัฒนาการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน คือเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม ความเสมอภาค และการค้าระหว่างประเทศ
โดยเศรษฐากล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ ในขณะเดียวกันความเสมอภาค ความเหลื่อมล้ำก็เป็นประเด็นสำคัญในสังคม โดยส่วนตัวแล้วเขามีความมั่นใจในทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย จึงหันมาพูดเรื่องความเสมอภาค เท่าเทียมเพิ่ม เพราะหากสังคมแข็งแรง เศรษฐกิจก็จะแข็งแรงขึ้นไปด้วย
“แต่หากเรายังมีความเหลื่อมล้ำเยอะ สังคมไม่เติบโต ไม่ให้ความสำคัญกับฐานราก เศรษฐกิจก็จะไปไม่รอด” เศรษฐากล่าว
เขากล่าวว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจระดับประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนให้ความสนใจเรื่องการเงินการคลังเป็นอย่างมาก แต่เรื่องความเท่าเทียมก็ยังสนใจกันน้อย
นอกจากนี้ยังมองว่าประเทศไทยมีข้อควรระวังคือ การที่ประเทศเคยมีโครงการเมกะโปรเจกต์ โครงการใหญ่ มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีสูง ซึ่งโครงการเหล่านี้หากทำสำเร็จก็จะสร้างประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่เมื่อกลับมาคิดทบทวนก็พบว่าโครงการเหล่านี้ใช้เวลานานจึงจะสำเร็จ ซึ่งระหว่างนั้นก็เป็นการปั่นให้ GDP ของต่างประเทศสูงขึ้น เพราะเราต้องนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ อาศัยแรงงานจากต่างประเทศ แต่หากเราลงทุนโดยเริ่มจากฐานรากของสังคม เอาแค่เรื่องง่ายๆ อย่างการเกษตร ถ้าเราทำให้ไม่ท่วม ไม่แล้ง มันอาจจะไม่เซ็กซี่ แต่ผลตอบรับที่จะได้กลับมานั้นมหาศาล
สำหรับเรื่องกัญชา เขากล่าวว่าได้ยืนยันมาตลอดว่าสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น และเป็นเรื่องของกลไกการตลาด หากทุกบ้านสามารถปลูกกันได้ ดีมานด์เยอะ สุดท้ายราคาก็จะตก
นอกจากนี้เศรษฐายังยกตัวอย่างเรื่องสำคัญที่ควรเร่งดำเนินการคือกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่าในรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครอยากไปอยู่กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งที่มีความสำคัญมาก ซึ่งหากว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก็จะยกระดับให้เกิดการเจรจาต่อรองกับต่างประเทศ
“เจ้ากระทรวงต้องออกไปค้าขาย มีการเจรจาที่ดี ต้องกล้าที่จะค้าขาย ต่อรอง เราเป็นประเทศที่เล็ก แต่มีศักยภาพ มีคุณภาพ ทุกอย่างต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์” เศรษฐากล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องสังคมสูงอายุ ก็ต้องดูว่าทำไมถึงไม่มีประชากรที่อายุน้อย นั่นก็เพราะคนอายุน้อยย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด เรา (เพื่อไทย) ต้องทำให้ประเทศมีสังคม สิทธิ ความเท่าเทียม สวัสดิการที่ดี เพื่อให้คนสบายใจที่จะอยู่ เห็นความหวังในการอยู่ในสังคม รวมถึงต้องให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะมีลูก เนื่องจากประเมินว่าทุกวันนี้คนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูกเพราะสังคมไม่เอื้อ ไม่น่าอยู่ หากเรา (เพื่อไทย) ปรับปรุงเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ ก็จะทำให้คนมีความหวัง มีคนรุ่นใหม่ๆ ได้
“ถ้าเราได้รับเลือกให้เป็นรัฐบาล ผมมองว่าไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องแรกที่จะต้องทำ เพราะเราต้องทำทุกเรื่อง ทุกเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่เราทำได้ก่อนเราก็ต้องทำ ไม่จำเป็นต้องทำถึง 8 ปี เพียงแค่ 4 ปีก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง” เศรษฐากล่าว
