วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ลงพื้นที่มอบถุงห่วงใยให้กับชาวบ้านและชาวประมงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกกลางทะเล โดยมีชาวบ้านและกลุ่มประมงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งรับฟังพูดคุยถึงปัญหาผลกระทบที่เกิดในพื้นที่ โดยทางบริษัทได้กล่าวกับประชาชนว่า พร้อมเยียวยาและให้ความช่วยเหลือ ขณะที่กลุ่มประมงพร้อมร่วมทำงานในการฟื้นฟูกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ด้าน วิสุทธิ์ สุขจันทร์ ประธานกลุ่มประมง รองนายกสมาคมเรือเล็กระยอง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่บริษัทเข้ามาช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และพร้อมชดเชยเยียวยาอย่างเท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือต่อจากนี้ต้องดูผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเลในระยะยาว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ถ้าหากบริษัทยินดีรับผิดชอบชดใช้ทั้งหมด และร่วมจับมือทำงานร่วมกับหน่วยงานองค์กรต่างๆ และกลุ่มชาวประมงที่มีประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะกลุ่มประมงเคยมีประสบการณ์จากการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในเหตุน้ำมันรั่วในปี 2556
ทั้งนี้ ตนอยากให้ทำข้อตกลงร่วมกัน ออกเป็นกฎหมายข้อบังคับว่าสำหรับอุตสาหกรรมใหญ่ๆ เช่น ปิโตรเคมี หากสร้างผลกระทบกับทะเลจะต้องรับผิดชอบชดใช้เยียวยาฟื้นฟูทั้งระบบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หรือจนกว่าสิ่งแวดล้อมทางทะเลจะกลับสู่สภาวะปกติ
ในส่วนของความคืบหน้าการสำรวจผลกระทบหลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วทั่วน่านน้ำทะเลระยอง มีการเปิดเผยจากศูนย์วิจัยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) อ่าวไทยฝั่งตะวันออก ร่วมกับกองทัพเรือ สำรวจติดตามคราบน้ำมันบนพื้นท้องทะเลบริเวณจุด E2 (อ่าวพร้าวทิศตะวันตก) โดยวิธีการดำน้ำลึก (Scuba) ที่ระดับน้ำลึก 16 เมตร พบตะกอนลักษณะเป็นก้อนบางๆ สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-6 เซนติเมตร กระจายทั่วพื้นทะเลในบริเวณที่สำรวจ แต่ยังไม่พบความผิดปกติของสัตว์ทะเลที่พบ ได้แก่ ปลาบู่, ดาวทะเล, ดอกไม้ทะเล และปากกาทะเล เป็นต้น ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างตะกอนเพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการต่อไป
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัย ทช. ยังได้เผยข้อมูลของคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนการปนเปื้อนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในสิ่งแวดล้อม และผลกระทบของน้ำมันรั่วไหลในทะเลมาบตาพุด ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเล บริเวณมาบตาพุด-เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง และสำรวจชายหาดตั้งแต่ชายหาดสุชาดา-หาดสวนสน เบื้องต้นพบว่าสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบสัตว์น้ำตายเกยหาด
ส่วนนอกชายฝั่งและแนวปะการังเกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า พบว่าสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบน้ำมัน โดยคุณภาพน้ำทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยอ้างอิงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 1, 2 และ 4 เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การอนุรักษ์แหล่งปะการัง และการนันทนาการ