×

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ การผจญภัยครั้งใหม่ที่บอกว่า ‘เราไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์เสมอไป’

11.10.2023
  • LOADING...

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ ภาพยนตร์อนิเมะลำดับที่ 42 ของการ์ตูนที่ผู้ชมทั่วโลกหลงรัก โดยครั้งนี้ได้ โดยามะ ทาคุมิ ที่เคยกำกับ โดราเอมอน ฉบับซีรีส์ทางโทรทัศน์มาแล้วหลายปี มารับหน้าที่กำกับ พร้อมด้วย เรียวตะ โคซาวะ จาก Always: Sunset on Third Street (2005) และ Great Pretender (2020) มารับหน้าที่เขียนบท 

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ โนบิตะ บังเอิญเจอกับเกาะรูปพระจันทร์เสี้ยวปริศนาบนฟ้า และเชื่อว่าเกาะที่เขาเห็นคือ ยูโทเปีย ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นประเทศที่ทุกคนจะสามารถเป็นคนที่ ‘เพอร์เฟกต์’ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เขาจึงไหว้วานให้ โดราเอมอน พาไปตามหาเกาะลอยฟ้าที่เขาเห็น โดยมีแก๊งผองเพื่อนอย่าง ชิซูกะ ไจแอนท์ และ ซูเนโอะ ติดสอยห้อยตามไปด้วย 

 

และในที่สุด โนบิตะและผองเพื่อนก็เดินทางไปถึงเกาะรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ชื่อว่า พาราดาเปีย ได้สำเร็จ โดยมี โซเนีย หุ่นยนต์แมวอัจฉริยะพาพวกเขาไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่มีความสุขและมีจิตใจที่อ่อนโยน แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนปริศนาบุกรุกเข้ามาที่เกาะแห่งนี้ โนบิตะ โดราเอมอน และผองเพื่อนจึงต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งความวุ่นวายครั้งนี้ให้สำเร็จ 

 

 

ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เชื่อเหลือเกินว่าเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าโดราเอมอนและผองเพื่อนยังคงเป็นตัวการ์ตูนที่เปรียบเสมือน ‘เพื่อนสนิท’ ของผู้ชมทุกรุ่น ที่จะจูงมือเราให้กลับไปใน ‘วัยเด็ก’ อีกครั้ง และออกผจญภัยสู่ดินแดนเหนือจินตนาการไปพร้อมกับพวกเขา พร้อมสอดแทรกข้อคิดดีๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกวัย 

 

เช่นเดียวกับ โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ ที่คราวนี้พวกเขาจะพาเราออกโบยบินสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ เพื่อไปสำรวจประเทศในอุดมคติที่ใครๆ ก็สามารถเป็นคนที่ ‘เพอร์เฟกต์’ ได้ ซึ่งผู้กำกับและทีมสร้างก็ยังคงรักษาคุณภาพของงานภาพที่สวยสดงดงามไว้ได้อย่างครบถ้วนเช่นเดิม โดยเฉพาะฉากที่โดราเอมอนและผองเพื่อนนั่งเรือเหาะกาลเวลา ‘ไทม์เซ็พเพอลิน’ ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้เห็นทิวทัศน์บนฟากฟ้าที่สวยงาม จนทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังออกผจญภัยไปพร้อมกับพวกเขาอยู่ก็คงไม่เกินจริงนัก

 

 

บวกด้วยรูปแบบการนำเสนอที่สนุกสนานและชวนให้เราติดตามไปได้ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ ‘การย้อนเวลา’ ที่ทีมสร้างคอยวางชิ้นส่วนขนมปังไว้ให้ผู้ชมได้ตามเก็บ ก่อนที่จะหยิบชิ้นส่วนเหล่านั้นมาใช้ในช่วงองก์สุดท้ายของเรื่องได้อย่างน่าสนใจ พร้อมแทรกด้วยมุกตลกขบขันเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยสร้างรอยยิ้มให้เราเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นโนบิตะและโดราเอมอนที่ยังคงทะเลาะตบตีกันเป็นประจำ หรือไจแอนท์ ซูเนโอะ และชิซูกะ ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับเรื่องราวได้ดีเช่นเดิม 

 

 

พร้อมกันนั้น ภายใต้การผจญภัยที่สนุกสนานและงานภาพที่สวยงาม โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ ยังมาพร้อมกับประเด็นสำคัญที่ผู้กำกับและทีมสร้างต้องการนำเสนอ นั่นคือข้อความที่บอกกับเราอย่างอ่อนโยนว่า เราทุกคนต่างมีข้อบกพร่องในตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นแล้ว ขอให้โอบรับความ ‘ไม่เพอร์เฟกต์’ เหล่านั้นไว้ และอย่าพยายามเปรียบเทียบตัวเองกับชีวิตของคนอื่นจนเกินไป เพราะในท้ายที่สุดเราก็ไม่สามารถที่จะ ‘เป็นแบบคนอื่นได้’ แต่เราสามารถเรียนรู้จากข้อบกพร่องและเติบโตขึ้นได้ ‘ในแบบฉบับของตัวเอง’ 

 

 

อย่างไรก็ตาม การผจญภัยครั้งนี้ก็มีจุดที่ผู้เขียนแอบเสียดายอยู่เล็กน้อยเช่นกัน นั่นคือ ‘ของวิเศษ’ ของโดราเอมอน ที่เรารู้สึกว่าถูกนำมาใช้อย่างไม่หลากหลายเท่าไรนัก ทั้งๆ ที่ของวิเศษถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่องที่ทีมสร้างสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์เหตุการณ์ต่างๆ ให้สนุกสนานมากขึ้นได้ อย่างเช่น เรือเหาะไทม์เซ็พเพอลิน และชุดนักบินที่เราได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น

 

 

ในภาพรวม โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ ยังคงเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่สร้างความสนุกและความประทับใจแก่แฟนๆ ของโดราเอมอนได้ดีไม่แพ้ผลงานอื่นๆ ทั้งงานภาพที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ เรื่องราวการผจญภัยของโดราเอมอนและผองเพื่อนที่ทำให้เราอมยิ้มและหัวใจพองโตขณะรับชม พร้อมทั้งประเด็นของเรื่องที่ผู้ชมทุกวัยสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน 

 

โดราเอมอน เดอะมูฟวี่: ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: www.youtube.com/watch?v=Vm0fwiRG7wA

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising