การแข่งขันกีฬาเกือบทั่วทุกมุมโลกต้องหยุดตัวลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในแต่ละประเทศที่มีการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก ซึ่งมีมูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันสูง มีความจำเป็นต้องแข่งขันต่อให้จบ ส่งผลให้ลีกฟุตบอลต่างๆ ในยุโรปที่เหลือการแข่งขันไม่ถึง 1 ใน 3 ของฤดูกาล ต่างเริ่มต้นหาหนทางให้ฟุตบอลกลับมาลงแข่งขันให้จบฤดูกาลให้ได้
โดยฟุตบอลลีกยุโรปในเวลานี้ มีฟุตบอลบุนเดสลีกาและบุนเดสลีกา 2 ของเยอรมนีที่ได้ให้นักเตะจากทุกสโมสรกลับมาลงฝึกซ้อมเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อรอวันที่รัฐบาลจะอนุญาตให้กลับมาลงแข่งขันแบบปิด ไม่ให้แฟนบอลเข้าชมได้
ขณะที่กัลโช เซเรีย อา อิตาลี หลังจากที่หลายฝ่ายเริ่มมองว่า ประเทศได้พ้นจุดพีกของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปแล้ว ภายในประเทศจึงเริ่มมีการพูดคุยถึงการนำพาฟุตบอลคืนสู่สนามแข่งขัน โดยมาตรการต่างๆ ที่เริ่มได้รับการเสนอมาภายในประเทศคือ การกักตัวนักฟุตบอลที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนจะให้ลงฝึกซ้อมร่วมกับทีมได้ โดยการฝึกซ้อมของทีมในเซเรีย อามีข้อเสนอให้เริ่มต้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้นักเตะทุกคนผ่านการตรวจโควิด-19 อีกครั้ง และแข่งขันแบบ 2 นัดต่อสัปดาห์ เพื่อให้ฤดูกาลจบภายในเดือนกรกฎาคม 2020
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่ายังอยู่ในจุดที่ศึกษาและพูดคุยถึงหนทางที่จะนำพาฟุตบอลกลับมาแข่งขันได้ โดยปัญหาใหญ่ที่สุดของลีกของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ซึ่งหากพรีเมียร์ลีกไม่สามารถแข่งขันจบได้ จะส่งผลกระทบต่อลีกเป็นเม็ดเงินสูงถึง 1.2 พันล้านปอนด์ เฉพาะลิขสิทธิ์กับผู้ถ่ายทอดสดภายในประเทศ ทางลีกจึงจำเป็นต้องหาหนทางให้กลับมาแข่งขันจนจบฤดูกาล
ขณะที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลานี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในโลก ส่งผลให้การแข่งขันกีฬารายการต่างๆ ดูห่างไกลกว่าประเทศอื่นๆ ในการที่จะกลับมาแข่งขัน แม้ว่าจะในรูปแบบที่ไม่มีแฟนกีฬาเข้าชมก็ตาม
แต่ล่าสุดทางด้าน ดร.แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเปิดเผยแนวทางและหลักการ หากวันหนึ่งในอนาคต กีฬาในประเทศจะสามารถกลับมาแข่งขันได้ ผ่านบทสัมภาษณ์ของ Vanity Fair แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศหลายเดือนต่อจากนี้
