วันนี้ (8 กรกฎาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเปิดงาน ‘SPLASH – Soft Power Forum 2025’ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 โดยรัฐบาล ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA)
แพทองธารกล่าวช่วงหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ได้มางาน SPLASH Sofe Power Frontier 2025 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 รู้สึกว่างานยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีคนให้ความสนใจมากกว่าเดิม เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจสำหรับทีมทำงาน และคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ วันนี้เราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ ทั้งอากาศ เศรษฐกิจ ปัจจัยทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นและทำให้เกิดการปรับตัว การเข้าใจบริบทของการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นของการรับมือและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
“เราต้องเข้าใจก่อนว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ และตัวเองต้องยืดหยุ่น เพียงพอที่จะปรับไปในสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เราเคยฝากความหวัง เช่น การเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย เป็นอุตสาหกรรมในยานยนต์ต่างๆ หรือหวังที่จะเป็นครัวของโลก เราก็ต้องปรับตัวตาม บางอย่างที่อาจจะไม่ถนัดในวันนี้อาจจะต้องปรับตัวให้มากขึ้น ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ จึงต้องปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา” แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ที่ประเทศไทยยืนอยู่บนแยกของอนาคต จะต้องมีการลงทุนใหม่ๆ อุตสาหกรรมใหม่ในอนาคตและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลานาน แต่รัฐบาลได้เริ่มแล้วในการวางรากฐานเผื่ออนาคตและให้ทันต่อโลกของเรา
แพทองธารกล่าวอีกว่า ตนยังให้ความสำคัญกับซอฟต์พาวเวอร์ที่ทั่วโลกไม่ได้สนใจซื้อแค่สินค้าหรือบริการ แต่การซื้อประสบการณ์หรือสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวของเรา ความเป็นออริจินอลของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะไทยที่มีวัฒนธรรมเข้มข้น ทั้งวัฒนธรรมด้านอาหาร และความเป็นอยู่ รวมถึงคนไทยที่มีเสน่ห์และรอยยิ้มความช่วยเหลือมีน้ำใจเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ และหลงเสน่ห์มานาน เมื่อทั้งโลกสนใจ เราจึงต้องเน้นและรวบรวมเป้าหมายวัฒนธรรมจากท้องถิ่นจริงๆ โดยเราจะรวบรวมให้เป็นหมวดหมู่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ขายได้มากขึ้น
แพทองธารกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานโยบายซอฟต์พาวเวอร์เดินหน้าอย่างมีทิศทาง มีการแบ่งกลุ่ม เพื่อให้รัฐและเอกชนทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบให้มีเป้าหมายเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อน จากนั้นจะเป็นการยกระดับเพื่อเชื่อมโลก
แพทองธารกล่าวว่า ชาวต่างชาติชอบอาหารของไทย แม้ไม่เคยมาประเทศไทย แต่จะทำอย่างไรให้อาหารดึงดูดคนเหล่านี้มามีประสบการณ์ที่แท้จริงที่ประเทศไทย ด้วยโมเดลร้าน Thai Cuisine จะต้องมีการรวมอาหารไทยทั้ง 4 ภาค ไปอยู่ตามเมืองใหญ่ทั่วโลกให้ชาวต่างชาติได้มาซื้ออาหารกลับไปลองให้มีคุณภาพใกล้เคียง หรือเหมือนกับที่ซื้อในเมืองไทย ควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐาน Thai SELECT
ส่วนมวยไทยนั้นชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมากจึงพยายามให้ทุกยิม มีการสอนหลักมวยไทยที่ถูกต้อง นอกจากนี้ในเรื่องของ THAI WELLNESS มีการใช้สมุนไพร อาหารสุขภาพ ยกระดับสมุนไพรไทยและนวดไทยที่รองรับด้วยการวิจัยทางการแพทย์ พร้อมสำหรับการทำเป็นสินค้าส่งออกและส่งเสริมร้านนวดไทยเพื่อสุขภาพแบบมืออาชีพไปทั่วโลก
นอกจากนี้ในเรื่องของการถ่ายทำภาพยนตร์สามารถผลักดันอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) รวมถึงการผลักดันส่งออกอัญมณี ซึ่งมีคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ถึง 1 ล้านคน เป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและมีมูลค่าการส่งออกจำนวนมาก จึงอยากให้นักออกแบบ อัญมณีมีความรู้มากขึ้นและยกระดับเป็นศิลปินมากยิ่ง โดยหลังจากนี้จะมีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
แพทองธาร กล่าวอีกว่า ยังมีอุตสาหกรรมอีกมากที่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับคนในประเทศไทย เพิ่มอาชีพใหม่ๆ เป็นทางรอด ขอให้ทุกคนที่มางานนี้เกิดแรงบันดาลใจ ความคิดต่างๆ และกำลังใจในการสู้ต่อไป ให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสและความหวังอีกมาก
เมินตอบคำถามปม ภาษีทรัมป์ 36%-กัมพูชาจี้คืนวัตถุโบราณ-สว.ฟ้องจริยธรรม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแพทองธารถึงกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งวัตถุโบราณ 20 ชิ้น โดยเสนอออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งเอง แพทองธารระบุสั้นๆ ว่า “แถลงไปแล้วเมื่อเช้า”
ขณะเดียวกัน แพทองธารปฏิเสธตอบคำถามถึงความกังวลต่อกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% และกรณีที่สมาชิกวุฒิสภายื่นตรวจสอบคุณสมบัติในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี