วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นสัปดาห์ที่ 5
ทั้งนี้ ที่ประชุมจะมีการรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่มาเลเซียในวันแรก ซึ่งเป็นฝ่ายเลขาของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการประชุม ไปจนถึงวันที่ 6 สิงหาคม โดยมีเจ้ากรมกิจการชายแดน กองทัพไทย ขณะที่ฝั่งกัมพูชานำโดยเจ้ากรมกิจการชายแดน กระทรวงกลาโหมประเทศกัมพูชา
จากนั้นจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 7 สิงหาคม โดยฝ่ายไทยมี พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมของไทย ส่วนฝ่ายกัมพูชามี พล.อ. เตีย เซรย ฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และมีตัวแทนจาก 3 ชาติ คือ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ทั้งนี้ วาระการประชุม ครม. ที่ต้องจับตาดูคือกระทรวงมหาดไทย เตรียมแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ ที่จะเสนอ ขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน แทน พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดินเดิม ที่ทำหนังสือขอย้ายตัวเองจากตำแหน่ง กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
เชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี
นอกจากนี้ ยังจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 3 ตำแหน่ง และผู้ว่าราชการจังหวัดอีก 13 จังหวัด ดังนี้ 1. ลำปาง 2. พิษณุโลก 3. ลพบุรี 4. พระนครศรีอยุธยา 5. ขอนแก่น 6. กาฬสินธุ์ 7. ชลบุรี 8. สมุทรสงคราม 9. ปทุมธานี 10. ยะลา 11. ภูเก็ต 12. สิงห์บุรี 13. อุตรดิตถ์ และมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่ว่างอีก 1 จังหวัด คือ เชียงใหม่ (ที่ย้ายไปเป็นอธิบดีกรมการปกครอง)
ส่วนวาระสำคัญอื่นๆ ที่น่าสนใจนั้น กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 วงเงินรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณที่เหลืออยู่ โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มวงเงินให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 1 หมื่นล้านบาท และกองทุน กยศ. ประมาณ 8 พันล้านบาท
กระทรวงกลาโหมเสนอวาระลับ 2 โครงการ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพตามที่กองทัพอากาศเสนอโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ระยะแรก 4 ลำ วงเงิน 19,500 ล้านบาท ขณะที่กองทัพเรือเสนอโครงการจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำในแผนงบประมาณปี 2569
นอกจากนี้ จะมีการเสนอมาตรการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีการขยายวงเงินเยียวยาจากเดิมสำหรับผู้เสียชีวิตรายละ1 ล้านบาท ที่ต้องติดตามดูว่าที่ประชุม ครม. จะมีการอนุมัติขยายวงเงินเพิ่มตามที่มีกระแสข่าวว่าอาจปรับเพิ่มเป็นรายละ 8-10 ล้านบาท
ภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกระแสข่าวการโยกย้ายอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และอธิบดีกรมที่ดิน ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ตนเองกำลังจะขึ้นไปตรวจสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ภูมิธรรมกล่าวว่า จำนวนเงินที่เสนอเพื่อเยียวยานั้นเป็นการพิจารณาเพิ่มเติมจากที่เคยจ่ายไปแล้ว แต่กรณีที่มีการระบุว่าอาจสูงถึง 8-10 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะในบางกรณีผู้เสียชีวิตได้รับเงินเยียวยาน้อยกว่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะสั่งปิดศูนย์อพยพ และห้ามประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ภูมิธรรมยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดยทางการทหารยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ อย่างไรก็ตาม หากพบข้อบกพร่องในการบริหารจัดการจะต้องมีการตรวจสอบ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้เกี่ยวข้อง หากตั้งใจก่อให้เกิดปัญหาจะต้องถูกดำเนินการตามความเหมาะสม แต่หากไม่ตั้งใจก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยย้ำว่าไม่มีผู้ใดมีสิทธิทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้
ภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยตามการประเมินของฝ่ายทหาร จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมทั้งได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ดำเนินการตามนโยบาย
หากหน่วยงานใดชะลอการใช้งบประมาณโดยไม่เหมาะสม จะต้องถูกตรวจสอบเช่นเดียวกับกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีไม่เบิกจ่ายงบฯ ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่าได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกระแสข่าวการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการล้างบางข้าราชการสีน้ำเงิน ภูมิธรรมร้อง ‘โอย’ ก่อนจะตอบว่า ถ้าคิดว่าเป็นการล้างบางทั้งหมดจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปไม่ได้ โดยยืนยันว่าทุกการแต่งตั้งโยกย้ายมีเหตุผล ความเหมาะสม และสามารถอธิบายได้ในทุกกรณี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วาระการเพิ่มขีดความสามารถกองทัพอากาศ มีเรื่องของการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนด้วยหรือไม่ ภูมิธรรมยอมรับว่ามี แต่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าครั้งนี้หรือครั้งไหน แต่ได้เซ็นผ่านเข้า ครม. ไปก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า รวมถึงกองทัพเรือด้วยหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า อย่างที่บอกไว้ว่าเรื่องที่ตนได้ทำค้างไว้ก่อนออกมา ทั้งในเรื่องกริพเพนและกองทัพเรือจะได้จบไป จะได้มีการจัดการปรับแผนของเขาให้เรียบร้อย ก่อนถามกลับว่า กองทัพเรือหมายถึงเรื่องเรือดำน้ำใช่หรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีเรื่องเรือดำน้ำด้วยใช่หรือไม่ ภูมิธรรมระบุว่า ตนบอกไปแล้วว่าจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว อยู่ที่ ครม. พิจารณาก็ไปดูเรื่องสัญญาต่างๆ ให้จบ ออกจากกลาโหมก็เคลียร์หมดทุกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม การประชุมในวันนี้มีรัฐมนตรีลาการประชุมทั้งสิ้น 3 คนคือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, อรรถกร ศิริลัทยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์