ยังคงรักษามาตรฐานแบรนด์ที่ผลิตสินค้าออกมาได้คุณภาพและมีดีไซน์ที่หรูหราและดูแพงได้เหมือนในทุกๆ ครั้ง สำหรับ Bang & Olufsen แบรนด์ผู้ผลิตลำโพงและเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์สัญชาติเดนมาร์ก โดยล่าสุดพวกเขาได้เปิดตัวลำโพงรุ่นใหม่ ‘Beosound Emerge’ ที่มีดีไซน์และรูปร่างหน้าตาคล้ายหนังสือเสียเหลือเกิน โดยชูจุดเด่นในแง่ความบาง แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพและแรงขับเสียงที่ไพเราะลื่นหูเช่นเคย
สำหรับ Beosound Emerge เป็นลำโพงไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดของ Bang & Olufsen ที่ได้รับการออกแบบโดยดีไซเนอร์อย่าง เบนจามิน ฮูเบิร์ต จากบริษัท LAYER ชูจุดเด่นเรื่องรูปทรงแบบแนวตั้งที่มีความบางคล้ายกับหนังสือ แต่ยังให้ประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มอิ่ม เต็มอารมณ์ และเต็มขุมกำลัง เพื่อยกระดับการเสพสื่อความบันเทิงด้านเสียงให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
Bang & Olufsen ระบุว่า หนึ่งในความตั้งใจที่มีมาเนิ่นนานของพวกเขาคือการพัฒนาดีไซน์ลำโพงไร้สายให้มีขนาดที่บางที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพด้านเสียงที่ไม่ตกลงไปกว่าเดิม แถมยังต้องดีขึ้นด้วย ซึ่งเจ้า Beosound Emerge ก็สามารถตอบโจทย์วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เป็นส่วนผสมระหว่างรูปทรงของสิ่งของแต่งบ้านที่ดูสวย หรู แพง และประสิทธิภาพด้านเสียงในเชิงเทคนิคของลำโพง
คริสตอฟเฟอร์ โพลเซน รองประธานอาวุโส และหัวหน้าแผนพัฒนาจัดการผลิตภัณฑ์ Bang & Olufsen กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ในการพัฒนา Beosound Emerge คือการสร้างลำโพงที่มีขนาดบางที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังคงให้เสียงเต็มอิ่มและช่วงกว้างพิเศษ ไม่ว่ามันจะถูกวางบนชั้นหนังสือในห้องนอน มุมที่มีของวางเยอะๆ ในห้องครัวที่มีพื้นที่จำกัด แต่ดีไซน์ของ Bang & Olufsen ก็จะช่วยให้คุณสามารถทลายขอบเขตการฟังดนตรีโดยไม่ต้องขยายพื้นที่หรือห้องเพิ่มเติมด้วยซ้ำๆ”
ในแง่ของสเปก ตัวลำโพง Beosound Emerge ให้ค่าเสียงกลาง (Midrange) ที่ 37 mm โดยติดตั้งบริเวณมุมของตัวลำโพงตามดีไซน์ของมัน ส่วนด้านหน้าเป็นทวีตเตอร์ซอฟต์โดม 14 mm และใช้วูฟเฟอร์แบบกระจายเสียงออกด้านข้าง (Side-Firing Woofer) 100 mm ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือการช่วยให้เสียงที่ออกมาจาก Beosound Emerge กระจายออกมาได้กว้าง ครบทุกช่วงในทุกๆ มิติของมุมห้อง
สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายของเจ้า Beosound Emerge นั้น Bang & Olufsen จะเริ่มวางขายเฉพาะในยุโรปบางตลาดในช่วงแรกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สนนราคาสำหรับสีดำ Black Anthracite ที่ 599 ยูโร หรือประมาณ 22,400 บาท และสีทองที่ 749 ยูโร หรือราว 28,000 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
อ้างอิง: