เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 จะเติบโตดีขึ้นจากปีนี้ โดยได้อานิสงส์จากทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมถึงในปี 2564 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ๆ กว่า 30 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ และจะเน้นกระจายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของโครงการทั้งหมด ขณะที่คอนโดมิเนียมจะมี 3-5 โครงการใหม่
บริษัทยังมีแผนลงทุนในต่างประเทศ จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในประเทศออสเตรเลีย 12 โครงการ ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (JV) นอกจากนี้บริษัทยังสนใจลงทุนในประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่น สำหรับงบการลงทุนในปี 2564 บริษัทตั้งไว้ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งหลักๆ มาจากกระแสเงินสด และบางส่วนมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SPALI ปรับตัวขึ้น 17.6%MoM สู่ระดับ 19.40 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 15.3%MoM สู่ระดับ 1,482.67 จุด (ข้อมูลราคาปิด ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2563)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า SPALI จะสามารถทำยอดขายปี 2563 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท (ยอดขาย 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 2.04 หมื่นล้านบาท) โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดตัวโครงการแนวราบ 9 โครงการในไตรมาส 4/63 มูลค่า 6.6 พันล้านบาท ซึ่งหมายความว่า SPALI จะต้องทำยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเพียง 5.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/63 ซึ่งน้อยกว่ายอดขายเฉลี่ยต่อไตรมาสที่ระดับ 6.8 พันล้านบาท
โดยสัดส่วนยอดขายโครงการแนวราบปี 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 65% ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และที่เหลืออีก 35% มาจากยอดขายคอนโดมิเนียม มูลค่า 5.8 พันล้านบาท ซึ่งมีการเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่า 5.8 พันล้านบาท
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 นั้น SCBS คาดว่า Backlog ที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนให้รายได้ในปี 2564 เติบโตดีขึ้น ซึ่งปัจจุบัน SPALI มี Backlog ในมือสำหรับปี 2564-2567 มูลค่ารวม 3.2 หมื่นล้านบาท โดย 46% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564, 39% จะรับรู้ในปี 2565, 5% จะรับรู้ในปี 2566 และอีก 10% จะรับรู้ในปี 2567 โดยในปี 2564 กำไรจะแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 2-3 ของปี 2564 เนื่องจากจะมีการโอน 3 โครงการหลัก ได้แก่ ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร (มูลค่าโครงการ 3 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 100%), ศุภาลัย ริวา แกรนด์ (มูลค่าโครงการ 6.8 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 73%) และศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ (มูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 85%)
นอกจากนี้ต้องติดตามการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ศุภาลัย (SPALIRT) ซึ่งได้ยื่นไฟลิ่งแล้ว และคาดว่าจะ IPO ได้เร็วสุดในช่วงปลายไตรมาส 2/64 ถึงต้นไตรมาส 3/64 โดยคาดว่าจะเข้าลงทุนในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในโครงการศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ พระราม 3 พร้อมกับอาคารจอดรถ โดยมูลค่าการจำหน่ายทรัพย์สินของโครงการจะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 3.2 พันล้านบาท และ SPALI จะเข้าไปลงทุนใน SPALIRT ในสัดส่วนไม่เกิน 20%
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์