ถึงจะได้เล่นในบ้าน แต่สเปนกลับไม่สามารถเอาชัยเหนือสวีเดนได้ แม้จะโหมบุกแทบจะฝั่งเดียวตลอดเกม โดยเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
เกมคู่สุดท้ายของวันที่ 4 ในศึกยูโร 2020 เป็นการลงสนามนัดแรกของกลุ่ม E คู่ที่ 2 ที่สนาม เอสตาดิโอ เด ลา การ์ตูฆา ในเซบีญา ทีมชาติสเปนโฉมใหม่ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นอายุน้อย พบกับสวีเดนที่หวังจะเก็บคะแนนเพื่อลุ้นไปเล่นในรอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 ให่ได้
เกมครึ่งแรก ‘กระทิงดุ’ เปิดเกมบุกอยู่ข้างเดียว โดยครองบอลมากกว่าเป็นเท่าตัวและได้ลุ้นประตูหลายครั้ง แต่ในจังหวะที่อันตรายจริงๆ ทีมเยือนก็ได้ โรบิน โอลเซน ผู้รักษาประตูช่วยเซฟไว้ได้ แถมท้ายครึ่งแรกทัพ ‘ไวกิ้ง’ กลับเป็นฝ่ายที่เกือบได้ประตูขึ้นนำแทน เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค มีโอกาสยิงจ่อๆ จากจังหวะโต้กลับ บอลไปถูก มาร์กอส ยอเรนเต สกัดเอาไว้ ก่อนไปชนเสาและเข้ามือ อูไน ซิมอน รับเอาเอาไว้ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลัง สเปนยังครองบอลบุกมากกว่า โดยพยายามส่งนักเตะที่ทำเกมบุกได้ดีอย่าง ติอาโก อัลคันทารา, ปาโบล ซาราเบีย, เคราร์ด โมเรโน และ มิเกล โอยาร์ซาบัล ลงสนามไปเพิ่มเติม แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ แม้จะมีความพยายามในการทำประตูเกิน 10 ครั้ง แต่นายทวารของสวีเดนก็ยังช่วยเซฟไว้ได้ทั้งหมด ทำให้จบเกมทั้งสองทีมเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
นี่เป็นเกมแรกในยูโร 2020 ที่มีการเสมอกันแบบไร้สกอร์ และด้วยผลการแข่งขันนี้ทำให้เมื่อจบเกมนัดแรกของกลุ่ม E สโลวะเกียขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่มแบบเหนือความคาดหมายจาก 3 คะแนนในนัดก่อนหน้า ขณะที่สเปนและสวีเดนรั้งอันดับที่ 2 ร่วมกัน และโปแลนด์รั้งบ๊วยกลุ่มชั่วคราว
MAN OF THE MATCH: โรบิน โอลเซน (สวีเดน)