สำนักข่าว Reuters รายงานว่า S&P Global บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐฯ ประกาศปรับลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของ First Republic Bank จาก BB+ เป็น B+ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม โดยนับเป็นการหั่นเครดิตเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม S&P Global เพิ่งจะหั่นเครดิตของ First Republic Bank แบงก์จาก A- เป็น BB+ อย่างไรก็ตามทาง S&P Global ยังคงมุมมองเครดิตของธนาคารเป็น CreditWatch Negative ที่การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีมุมมองเป็นลบ ทำให้ธุรกิจโดยรวมยังคงไม่สดใสมากนัก
สำหรับการปรับลดเครดิตความน่าเชื่อถือครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางความพยายามในการหาทางแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นกับทาง First Republic Bank ด้วยการที่บรรดาธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทรวมตัวอัดฉีดเงินช่วยเหลือมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในรูปเงินฝาก เพื่อให้ธนาคารเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงเวลาที่กำลังเร่งหาผู้ซื้อเพื่อเข้ารับช่วงบริหารต่อ โดยทางหน่วยงานกำกับดูแลหวังว่าการจัดการทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในระบบธนาคารในวงกว้าง
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งยังมองว่าความวุ่นวายในอุตสาหกรรมการธนาคารไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงเท่ากับวิกฤตการเงินที่ทำให้เกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในช่วงปี 2007-2009 แต่ผลกระทบก็อาจมีโอกาสรุนแรงจนไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ล่มอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลกลางต้องยื่นมือเข้ามาจัดการ ทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกังวลว่าจะเกิดโดมิโนในอุตสาหกรรมการธนาคารจนกระจายเป็นวงกว้างในที่สุด
กระนั้น รายงานระบุว่า แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดย เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เร่งหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนลงความเห็นตรงกันว่า ต้องมีแพ็กเกจช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตเลวร้ายลง แต่การควักเงินภาษีรัฐไปช่วยอาจไม่สะดวก และทำให้เยลเลนหันหน้าเข้าหาแบงก์ใหญ่ทั้งหลาย รวมถึง เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan Chase & Co. ในการหาทางออกสำหรับกรณีของ First Republic Bank จนกลายเป็นความร่วมมือของ 11 ธนาคารรายใหญ่ที่ให้เงินอัดฉีดในที่สุด
รายงานระบุว่า การช่วยเหลือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันภาวะ Bank Run แต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงความเปราะบางต่อความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาของธนาคารเหล่านี้ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s หั่นอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารของสหรัฐฯ เป็นลบ
ทั้งนี้ แม้ว่าธนาคารรายใหญ่จะสมัครสมานสามัคคีร่วมใจช่วยกันลงขัน แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสามารถจัดการยุติวิกฤตของ First Republic Bank ได้แล้ว โดยหุ้นของธนาคารร่วงลงมากกว่า 30% ในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากธนาคารลดการจ่ายเงินปันผลประจำปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือ และเมื่อย้อนไปทั้งสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าหุ้นของธนาคารลดลงเกือบ 70% โดยนักวิเคราะห์ของ Keefe, Bruyette & Woods กล่าวว่าการช่วยเหลือและการลดเงินปันผล ‘สร้างมุมมองที่น่ากลัวสำหรับทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้น’
ผลลัพธ์ที่ตามมา แม้จะมีมาตรการช่วยเหลือแล้ว ทำให้บรรดานักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารตลอดสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่าจะเทขายอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ โดยความเสียหายส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ธนาคารขนาดเล็กในภูมิภาค เช่น Zions Bank, Fifth Third, Huntington Bank และ Comerica ความกังวลในวงกว้างคือธนาคารในภูมิภาคขนาดเล็กซึ่งถือหุ้นในคลังและหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวนมาก อาจถูกนักลงทุนบังคับให้ประเมินมูลค่าพอร์ตตราสารหนี้ใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดปม ‘Silicon Valley Bank’ ประสบเหตุ Bank Run และถูกสั่งปิดชั่วคราว พร้อมหาคำตอบว่าวิกฤตนี้จะลุกลามแค่ไหน?
- บรรดาหุ้นแบงก์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ถูกถล่มขายกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หวั่นวิกฤต ‘Bank Run’ กระทบสภาพคล่องรุนแรง
- เหรียญ USDC หลุด Peg หลังพบว่า Circle มีเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์อยู่ใน Silicon Valley Bank ที่เพิ่งล้ม
อ้างอิง: