วันนี้ (16 ธันวาคม) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 แถลงผลการตรวจค้นแหล่งพักพิงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง บริเวณเขาตะโล๊ะสโตร์ ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลติดตามจนพบแหล่งพักพิงและซุกซ่อนอาวุธ อุปกรณ์ที่เตรียมก่อเหตุกว่า 1,200 รายการ โดยมี พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบ.กกล.ตร.จชต. เจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต. อาคม พงศ์พรหม ผบ.ฉก.ยะลา พล.ต.ต. ปราบพาล มีมงคล ผบ.กกล.ตร.ยะลา และ พ.อ. คมกฤช รัตนฉายา ผบ.กกล.ทพ.จชต. ร่วมแถลง
.
พล.ท. พรศักดิ์ ระบุว่า จากกรณีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้สังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่รักษาความปลอดภัย บ้านทางลุ่ม หมู่ที่ 5 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวน 5 รายนั้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ได้รับทราบข่าวจากแหล่งข่าวว่า มีคนร้ายจำนวน 2 ราย ที่ก่อเหตุที่บ้านทางลุ่ม เข้ามาหลบซ่อนตัวในบ้านแนวร่วมที่บ้านคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เป็นผลให้คนร้ายทั้ง 2 รายเสียชีวิต ภายหลังได้เข้าตรวจสอบจากหลักฐานที่ตรวจยึดได้จากคนร้าย ประกอบกับการขยายผลจากการซักถาม ภาพข่าว และภาพเหตุการณ์ จนนำไปสู่การสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบแหล่งหลบซ่อนพักพิงของกลุ่มบุคคลเป้าหมายบริเวณพื้นที่ภูเขา บ้านตะโล๊ะสโตร์ ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา และได้เกิดการปะทะกันขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เข้าดำเนินการติดตามจับกุมและขยายผลบุคคลเป้าหมาย กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดยะลา ได้ปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ประมาณ 8-12 คน ซึ่งหลบหนีมาซ่อนตัวที่บ้านตะโล๊ะสโตร์ หมู่ที่ 6 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา
ภายหลังทราบเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ พล.ต. อาคม พงศ์พรหม ผบ.ฉก.ยะลา จัดให้ทางกองกำลังของหน่วยเฉพาะกิจยะลา จัดตั้งที่ทำการยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจยะลา โดยจัดกำลังร่วมระหว่างหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 33, 41 และ 47 พร้อมกำลังชุดจู่โจมเคลื่อนที่ทางอากาศ ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์รวม 13 ชุด เข้าปฏิบัติการสกัดกั้น ไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหลบหนีไป
จากผลการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธ และสิ่งของที่ใช้ในการก่อเหตุร้าย ได้จำนวนหลายรายการ ที่สำคัญคืออาวุธปืนเล็กยาว M16 A2 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และระเบิดแสวงเครื่องแบบท่อ (ไปป์บอมบ์) จำนวน 2 ลูก ซองกระสุนปืนเล็กยาว M16 จำนวน 4 ซอง พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 9 มม. อีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ขยายผลตรวจค้นบริเวณจุดเกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ
เนื่องจากคาดว่าบริเวณดังกล่าว น่าจะเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มคนร้าย เพราะลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ ตรงกับหลักนิยมของผู้ก่อความไม่สงบ ที่มักใช้เป็นพื้นที่ ตั้งฐานปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบตามภูมิประเทศใกล้เคียง ที่คาดว่าจะมีการซุกซ่อนอาวุธ หรือสิ่งของที่ใช้ในการก่อเหตุรุนแรง จนสามารถค้นพบและตรวจยึดวัตถุพยานได้ 1,288 รายการ จากจุดที่ฝังและซุกซ่อน จำนวน 42 จุด โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
อาวุธปืน
1.1 ปืนเล็กยาว M16 A2 จำนวน 1 กระบอก
1.2 อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
1.3 อาวุธปืนพก ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
1.4 ชิ้นส่วนปืนเล็กยาว จำนวนหลายรายการ
เครื่องกระสุน
2.1 กระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. ไม่ต่ำกว่า 50 นัด
2.2 กระสุนปืน ขนาด .38 Super จำนวน 36 นัด
2.3 ปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. ไม่ต่ำกว่า 30 นัด
2.4 ซองกระสุนปืนเล็กยาว M16 จำนวน 7 ซอง
วัตถุระเบิดแรงสูง (PETN) จำนวน 4 ถุง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 4 กิโลกรัม
ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรท สำหรับใช้ทำดินระเบิด น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 6 กิโลกรัม
เหล็กเส้นตัดสำหรับทำเป็นสะเก็ดระเบิด น้ำหนักรวมประมาณ 70 กิโลกรัม
ระเบิดแสวงเครื่องแบบท่อ (ไปป์บอมบ์) พร้อมใช้งาน จำนวน 9 ลูก
ระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง ประกอบพร้อมใช้งาน จำนวนหนึ่ง
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมประกอบเป็นวัตถุระเบิด จำนวนมาก
วิทยุสื่อสารและระบบวงจรทางสายสำหรับจุดระเบิด หลายรายการ
นอกจากนี้ ยังพบเครื่องแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร ยา รวมทั้งเวชภัณฑ์ และอื่นๆ อีกหลายรายการ จากหลักฐานที่ตรวจค้นเจอเชื่อได้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งพักพิงและแหล่งซุกซ่อนสิ่งของสำหรับส่งกำลังของกลุ่มคนร้าย ที่ใช้เตรียมก่อเหตุในพื้นที่ โดยของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด จะเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมอบหมายให้กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยรับผิดชอบ เพื่อขยายผลไปยังกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนี มาดำเนินคดีทางกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
สำหรับผู้ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งการให้ที่พักพิง เป็นฝ่ายโลจิสติกส์ และการสนับสนุนการก่อเหตุ ถือว่ามีความผิดในอัตราโทษเช่นเดียวกับผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงขอฝากย้ำเตือนไปยังผู้ให้การสนับสนุน ยุติพฤติกรรมดังกล่าว เพราะมีความผิดตามกฎหมาย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์