วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วานนี้ ว่าทักษิณลงพื้นที่ในฐานะเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน เพื่อไปรับทราบปัญหา และรับฟังความคิดเห็นของผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา รวมถึงชุมชนไทยพุทธที่สะท้อนว่าคนไทยพุทธในพื้นที่เหลือจำนวนน้อย อยากให้ผู้ใหญ่ลงไปเยี่ยมเยียน และชุมชนมุสลิม เพื่อต้องการสร้างสังคมพหุนิยม ให้อยู่ร่วมกันได้ นอกจากนี้ทักษิณยังไปเยี่ยมชม TK Park จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำไว้ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ภูมิธรรมย้ำว่า หลังจากที่ทักษิณได้ลงพื้นที่ สามารถประสานงานกับผู้นำประเทศ 3 ประเทศ ทั้งบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ที่มีความเป็นห่วงและอยากให้ภาคใต้สงบ เช่นเดียวกับประเทศตะวันออกกลางที่อยู่กันได้ทั้ง 3 ศาสนา โดยหลังจากที่ทักษิณได้ฟังปัญหาในพื้นที่แล้ว คิดว่าการแก้ไขปัญหาไม่น่าจะยากมาก ที่ทักษิณคาดว่าปี 70 จะจบนั้น คาดว่าปีนี้น่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น และปีหน้าจะหาทางจบเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่รัฐบาลจะต้องนำมาพิจารณา ในฐานะที่ตนรับผิดชอบงานภาคใต้ น่าจะหาทางออกได้
ภูมิธรรมยังกล่าวต่อด้วยว่า ระหว่างลงพื้นที่ทักษิณได้ยกปรัชญาของศาสนาอิสลาม เรื่องสันติสุขประกาศให้อภัย และถือเป็นการพูดครั้งแรกของทักษิณในทุกจุดที่ลงพื้นที่ เรื่องการขออภัย และได้เห็นถึงการตอบสนองของชาวมุสลิมในพื้นที่ ในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นตั้งใจทำงานหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่บางอย่างมีข้อผิดพลาด ท่านจึงบอกกับชาวมุสลิมว่า หากได้ทำอะไรที่เป็นข้อขัดข้องติดใจก็ขออภัย อยากให้คนมุสลิมกลับมาคิดถึงการอยู่ร่วมกันแบบพหุนิยม อยากให้มองว่านี่คือประเทศไทยของเรา อยากให้ชาวมุสลิมรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่ใช่แค่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หมายถึง 77 จังหวัดของประเทศไทย
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากระบวนการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่มั่นใจ ที่พูดคุยเป็นระดับไหน สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ จึงอยากให้เดือนรอมฎอนเป็นตัวพิสูจน์ว่าต้องไม่มีการก่อเหตุ หยุดสร้างความรุนแรง
ส่วนกรณีที่มีระเบิดลงก่อนที่ทักษิณจะไปถึงพื้นที่นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะมีการก่อเหตุรายวันอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว
จ่อประชุม กคพ. พรุ่งนี้ เคาะรับคดีฮั้วเลือก สว.
ภูมิธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ยังกล่าวถึงการพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นคดีพิเศษว่า อยากประชุมเพื่อให้เข้าใจปัญหาและตัดสินใจ ซึ่งตนในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เห็นว่ามีข้อมูลและมีความชัดเจนหลายอย่าง พร้อมย้ำว่างานนี้เราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองมากลั่นแกล้งกัน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เป็นไปตามข้อเท็จจริง ก็น่าจะไม่มีปัญหาอื่น
ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นเรื่องมาว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคดีพิเศษในทัศนะของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดูแล้วก็มีเหตุมีผล เมื่อเขาเสนอเราก็ต้องบรรจุที่ประชุม
“ถ้าไม่ชัดเจน ไม่ถึง ก็คงรับเป็นคดีพิเศษไม่ได้ แต่ถ้ามันชัดเจน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปปกป้องอะไร เพราะเป็นไปตามกระบวนการ และไม่ได้จบแค่นี้ มันยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนพยาน และการได้เป็นคดีพิเศษต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการคดีพิเศษ”
ภูมิธรรมระบุว่า ไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ใจกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งได้พูดคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบ้าง แต่ยืนยันว่ามีหน้าที่ทำให้เป็นไปตามกระบวนการ ในเมื่อเราเรียกร้องว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเรามีปัญหา พอมีคนคิดขึ้นมาก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการได้กับทุกภาคส่วน
สำหรับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม