ของเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการตอบโต้กรณียิงขีปนาวุธในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดในช่วงเช้ามืดวันนี้ (20 กุมภาพันธ์)
กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่บุคคล 4 คน และอีก 5 หน่วยงาน รวมถึงบริษัทสัญชาติแอฟริกาใต้ 1 แห่ง และบริษัทเดินเรือของสิงคโปร์ 2 แห่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูกนอกชายฝั่งตะวันออกเช้าวันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลาเพียง 2 วันหลังจากที่เกาหลีเหนือเพิ่งจะยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นในวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 กุมภาพันธ์) จนกระตุ้นให้สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้เร่งจัดการซ้อมรบร่วมทางอากาศในวันอาทิตย์ ซึ่งรวมถึงการฝึกซ้อมใช้งานเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B
ด้านเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประณามการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ยั่วยุและผิดกฎหมาย
นักวิเคราะห์มองว่า การคว่ำบาตรของเกาหลีใต้ครั้งนี้อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนือในระดับที่รุนแรง แต่ก็เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่แข็งกร้าวขึ้นว่า เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการป้องกันประเทศ และพร้อมที่จะออกมาตรการที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินต่อเกาหลีเหนือ
โดยเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ คณะบริหารของประธานาธิบดียุนซอกยอลเคยสั่งคว่ำบาตรบุคคลชาวเกาหลีเหนือ 4 คน และหน่วยงานอีก 7 แห่งจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เชื่อว่าเชื่อมโยงกับโครงการอาวุธของประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการคว่ำบาตรแรกของเกาหลีใต้ที่มุ่งเน้นลงดาบการแฮ็กข้อมูลของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าการคว่ำบาตรไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือได้ โดย อันเดรย์ แลนคอฟ (Andrei Lankov) นักวิชาการด้านเกาหลีเหนือ และศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยกุกมิน (Kookmin) ในกรุงโซล กล่าวว่า “เกาหลีเหนือมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ICBM ที่สามารถโจมตีสหรัฐฯ ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีจุดประสงค์เพื่อการป้องปราม ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ต้องการแบล็กเมลสหรัฐฯ
“หากคุณถามผมว่าจะมีอะไรที่สามารถทำเพื่อหยุดเกาหลีเหนือได้บ้าง ผมตอบได้สั้นๆ ว่า ไม่มี”
ภาพ: Kim Won-Jin / AFP
อ้างอิง: