รัฐบาลแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวที่ห้ามประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงตีสี่ เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด พร้อมส่งสัญญาณว่าการระบาดของโควิดระลอก 4 ที่มีสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักนั้นอาจผ่านจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดแล้ว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการระบาดของโอไมครอน มีขึ้นหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในประเทศลดลงมากกว่า 29% ในช่วงสัปดาห์ก่อนเทศกาลคริสต์มาส โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า แม้โอไมครอนจะมีการแพร่ระบาดในระดับสูง แต่มีอัตราผู้ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลที่ต่ำกว่าการระบาดของโควิดในระลอกก่อนหน้า
“ตัวชี้วัดทั้งหมดชี้ว่า ประเทศอาจผ่านจุดสูงสุดของการระบาดระดับชาติระลอกที่ 4 ไปแล้ว” แถลงการณ์ที่ออกมาภายหลังการประชุม ครม. นัดพิเศษ ระบุ
นอกจากนี้รัฐบาลแอฟริกาใต้ยังประกาศจะอนุญาตให้สถานประกอบธุรกิจและร้านค้าสามารถกลับมาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ภายใต้กฎระเบียบตามปกติ แต่ยังบังคับการสวมหน้ากากอนามัย และหากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่ยังคงจำกัดการรวมกลุ่มของประชาชนในพื้นที่สาธารณะในร่มไม่เกิน 1,000 คน และกลางแจ้งไม่เกิน 2,000 คน เพื่อให้มีการรักษาระยะห่าง
การยกเลิกเคอร์ฟิวและผ่อนคลายมาตรการบางอย่างของแอฟริกาใต้เป็นไปตามตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนของประชาชนที่เพิ่มขึ้น และโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศมีผู้ป่วยโควิดเข้ารับการรักษาลดลง แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ซึ่งสภาบัญชาการไวรัสโคโรนาแห่งชาติ (National Coronavirus Command Council: NCCC) ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และอาจมีการปรับเปลี่ยนมาตรการหากมีความจำเป็นหรือพบว่าโรงพยาบาลเริ่มประสบปัญหาแรงกดดันจากจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นอีก
ปัจจุบันแอฟริกาใต้มีจำนวนผู้ป่วยโควิดสะสมอยู่ที่ประมาณ 3.4 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 91,000 คน ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่โดยเฉลี่ยในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่วันละประมาณ 10,000 คน ลดลงจากช่วงสูงสุดในวันที่ 17 และ 18 ธันวาคม ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 23,000 คน ขณะที่อัตราผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 ธันวาคม) อยู่ที่ 57 คน
ภาพ: Photo by Roger Sedres / Gallo Images via Getty Images
อ้างอิง: