วันนี้ (11 มีนาคม) บรรยากาศพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพิธีสวดพระอภิธรรม สรพงศ์ ชาตรี นักแสดงชื่อดัง และศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร มีเพื่อนในวงการบันเทิงและแฟนคลับเดินทางมาร่วมพิธีอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. ร่างของสรพงศ์ถูกเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาที่ศาลา 11 (ศาลากลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เพื่อเตรียมประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น. โดยมีภรรยาและลูกนำขบวนเคลื่อนย้าย ท่ามกลางเพื่อนร่วมศิลปิน ดารานักแสดงที่มาร่วมพิธี
โดยจิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ นางเอกคู่ขวัญของสรพงศ์ ที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย เปิดเผยกับสื่อมวลชนทั้งน้ำเสียงสั่นเครือว่า รู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากตัวเองกับสรพงศ์สนิทกันมาก เป็นทั้งเพื่อน พี่ และครู ที่คอยสั่งสอนงานในวงการบันเทิง จนทำให้เธอได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง
หลังทราบข่าวร้ายถึงการจากไปของสรพงศ์ เธอรู้สึกเสียใจและช็อกมาก เนื่องจากว่าเป็นห้วงเวลาที่คนในวงการบันเทิงหลายคนเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ก็คือ เศรษฐา ศิระฉายา แล้วก็มาเหตุการณ์ของ แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ จนมาวันนี้ พระเอกในตำนานอย่างสรพงศ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญในวงการบันเทิง
นอกจากนั้นยังมีบุคคลสำคัญมาร่วมแสดงความอาลัยอีกจำนวนมาก เช่น หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ผู้เป็นคนปลุกปั้นสรพงศ์ให้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง รวมถึงนักแสดงอย่าง จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว, จ๊ะจ๊า-พริมรตา เดชอุดม, อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม เป็นต้น
ส่วนกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ เริ่มระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 2565 เวลา 19.00 น. ซึ่งญาติจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล 100 วัน และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
จากนั้น โย-ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อดีตภรรยา พร้อมด้วย ขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต ลูกสาวของสรพงศ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยพิมพ์อัปสรกล่าวว่า พ่อไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง และเป็นคนแข็งแรงมาก คิดว่ารักษาแล้วจะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงแรกๆ ที่ป่วย ตนไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะเป็นช่วงที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ช่วงหลังๆ ยังเป็นคนแข็งแรงมากสำหรับคนอายุเท่านี้
พิมพ์อัปสรกล่าวต่อไปว่า อาการช่วงแรกพ่อเหมือนคนป่วยนิดหน่อย จนมาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงและเดินไม่สะดวกตั้งแต่เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา และเป็นช่วงโควิด จึงไม่ได้บอกใครให้มาเยี่ยม และเป็นความประสงค์ของพ่อ คิดว่าพ่อต้องหาย จนเร็วๆ นี้ก็คิดว่าต้องหายเพราะกำลังใจดีตลอด แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ จนวินาทีก่อนเสียก็จากไปแบบยิ้ม
ซึ่งอาการก่อนจากไปของพ่อ ความดันตกเหลือประมาณ 70 คุณหมอแจ้งว่าพยายามปั๊มหัวใจแล้วแต่ไม่ขึ้น ทุกครั้งที่จับมือ มือจะอุ่น แต่เมื่อวานมือเย็น ทำให้ใจเสีย ทุกคนเอาใจช่วย
“แต่พ่อสู้มาเยอะแล้ว ทุกคนจึงบอกคุณพ่อว่าถ้าไม่ไหว ไม่ต้องห่วงอะไร ถ้าคุณพ่อจะไป อยากให้ไปโดยไม่ต้องห่วงและไม่ต้องทรมาน ซึ่งทุกคนไม่อยากให้คุณพ่อทรมาน ตลอดเวลาที่คุณพ่อสู้และหน้าตาสดใสมาตลอด มีพละกำลังดี จนสัปดาห์สุดท้ายก่อนเสียที่ผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่อยู่ในห้อง ICU ไม่เคยร้องเจ็บเลย” พิมพ์อัปสรกล่าว
พิมพ์อัปสรกล่าวอีกว่า การเกิดเป็นลูกของสรพงศ์ ตอนเด็กเคยคิดว่าต้องไม่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อ จึงทำให้ตนเองเป็นคนรู้หน้าที่ ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่การฝืนต้องเป็นเด็กดี เหมือนการทำตัวปกติ และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะของพ่อแม่ หรือคนของประชาชนได้อย่างดี ภูมิใจและดีใจที่คุณพ่อภูมิใจในตัวเรา
