วันนี้ (24 พฤศจิกายน) สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ และเจ้าของรายการ สนธิทอล์ก จัดงานเสวนา ‘ความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติครั้งที่ 4’ เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนขึ้นเวทีถึงการเตรียมประกาศทิศทางทางการเมือง โดยระบุว่า วันนี้ผู้ปราศรัยแต่ละคนจะมีประเด็นในสังคม ไม่ว่าจะเรื่องการสูญเสียอธิปไตยของชาติ หรือเรื่อง MOU 44 ซึ่งเป็นผลร้ายต่อประเทศไทยอย่างมาก ตนเองจะเป็นคนพูดปิดท้ายและสรุปให้เห็นว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นรัฐบาลการเมืองหรือรัฐบาลทหาร เพราะมีปัญหาที่คนไทยต้องเจอมาตลอด ไม่มีใครเข้ามาแก้สักที เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลว
“ยังจะอยู่ในประเทศนี้หรือไม่ หรือจะปล่อยให้ฉิบหายไปแบบนี้ ณ วันนี้พรรคการเมืองไม่ได้สนใจปัญหาอะไร ไม่พอใจอะไรก็ไปตั้งพรรคใหม่ ไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์ ระบบการเมืองไทยเหมือนเปิดโอกาสให้โจร กลุ่มคนสีเทา เข้ามาเล่นการเมือง” สนธิกล่าว
สนธิยังประเมินสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า พรรคเพื่อไทยเข้ามาฟาดฟันกับพรรคภูมิใจไทยเรื่องเขากระโดง เพาะต้องการเจรจาต่อรองเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์
“ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ความเลวทรามต่ำช้าและบัดซบที่สุด ส่วนอีกเรื่องก็จะพูดถึงเรื่องชั้น 14 ด้วยเช่นกัน ขยี้กระบวนการยุติธรรม ถึงเวลาแล้วที่ต้องรวบรวมกลุ่มคนที่เห็นด้วยเพื่อหาวิธีการให้สังคมหรือนักการเมืองเลวๆ ได้รับรู้” สนธิระบุ
อย่างไรก็ตาม การรวบรวมคนหมายถึงจะมีการชุมนุมหรือไม่นั้น สนธิกล่าวว่า ไม่รู้ แต่ไปตามสถานการณ์ ตนเองอายุ 78 ปีแล้ว เป็นไปได้ก็ไม่อยากลงถนน แต่ถ้าจำเป็นก็จะทำเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ต้องดูไปตามสถานการณ์ ตอนนี้ก็ร้อนแรงแต่ต้องรอให้เดือดกว่านี้ คิดว่าใกล้สุกงอมแล้ว แต่สำหรับนักการเมืองไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยที่คุมเสียง สว. ทั้งหมด ก็เห็นว่าไม่มี สว. คนไหนกล้าแตะ แสดงว่าพรรคการเมืองคุม สว. ได้ และยังคุม สส. ได้ ประเทศไทยจะเหลืออะไร
สนธิยังกล่าวด้วยว่า ตนเองเตรียมตัวไว้แล้วในการเข้าเจรจาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี กำลังเรียบเรียงคำร้องเรียนทุกข้อที่พูดในวันนี้ และจะไปพบนายกรัฐมนตรี พร้อมถามว่านายกรัฐมนตรีช่วยให้คำตอบเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ ไม่ใช่ให้คำตอบอย่างที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอบ