ความเคลื่อนไหวของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หลังจากที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าทำตามคำสั่งของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ
ก่อนที่สภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม มีมติเอกฉันท์ไม่ให้ พล.ต.อ. สมยศลาออก เพราะอาจจะส่งผลให้ประเทศไทยถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ลงโทษแบน ซึ่งจะส่งผลต่อการเป็นเจ้าภาพประชุมฟีฟ่าคองเกรสในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 และทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มแข่งขันในเดือนพฤศจิกายนนี้
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่า ในการประชุมสภากรรมการสมาคมลูกหนังไทย ซึ่งมีทั้งหมด 17 คน รวมทั้ง พล.ต.อ. สมยศ ในประเด็นที่ พล.ต.อ. สมยศจะลาออกนั้น หลังจากเจ้าตัวได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงความประสงค์แล้ว พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมฯ เป็นคนแรกที่แย้งว่าหาก พล.ต.อ. สมยศลาออก จะส่งผลเสียกับวงการฟุตบอลไทยโดยรวม เพราะมั่นใจว่าจะโดนฟีฟ่าริบสิทธิ์จัดประชุมฟีฟ่าคองเกรส รวมทั้งลงโทษแบนฟุตบอลไทยแน่นอน วงการบอลไทยจะเสียหายหนัก และไม่เพียง พล.ต.อ. สมยศเท่านั้น สภากรรมการทั้งหมดอาจตกเป็นจำเลยสังคมด้วย
จากนั้น ยุทธนา หยิมการุณ อุปนายกสมาคมฯ ก็ได้กล่าวขอให้ พล.ต.อ. สมยศทำงานต่อไป พร้อมพูดให้กำลังใจ ก่อนที่สภากรรมการทั้ง 16 คน (ยกเว้น พล.ต.อ. สมยศ) จะยกมือสนับสนุนขอให้อยู่ ซึ่ง พล.ต.อ. สมยศก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ มีน้ำตาคลอว่า ตนเองนั้นอยากจะลาออกจริงๆ แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากทำร้ายบอลไทย ซึ่งเมื่อมีการแย้งกับเหตุผลต่างๆ ที่ยกมา สุดท้ายก็แล้วแต่สภากรรมการจะพิจารณา
พล.ต.อ. สมยศได้ให้สัมภาษณ์สื่อตอนหนึ่งว่า ตนเหมือนอยู่ระหว่างเขาควาย คนกลุ่มหนึ่งอยากให้ลาออก อีกกลุ่มไม่ต้องการให้ลาออก เพราะจะถูกฟีฟ่าแบน คนที่จะให้ลาออกเพราะเมื่อโดนฟีฟ่าแบนตนจะโดนด่า แล้วบางคนก็โดนด่าด้วย การลาออกตอนนี้มันมีความเสี่ยงต่อฟีฟ่าแบน ซึ่งแม้ 1 เปอร์เซ็นต์ก็เสี่ยงไม่ได้
“ฝ่ายอยากให้ลาออกเหมือนถีบลงเหว เพราะถ้าลาออก ในสัปดาห์นี้ฟีฟ่าก็ส่งเมลมาถามแล้ว เราก็ต้องอธิบายไปตามข่าว คนที่อยากจะให้ลาออก จะรู้ได้อย่างไรว่าฟีฟ่าแบนหรือไม่แบน แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็เสี่ยงพอแล้ว แต่เขาสะใจ ตนจะได้เป็นคนเลวร้ายสำหรับประเทศไทย”
พล.ต.อ. สมยศเปิดเผยว่า ตนเข้ามาบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ด้วยความตั้งใจ อยากทำอะไรในสิ่งที่ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน อย่างเช่นที่ทำการสมาคมฯ ที่สร้างจนสำเร็จ หรือการอบรมโค้ช จนตอนนี้ประเทศไทยมีโค้ชในระบบ 4,000-5,000 คนไปแล้ว และที่สำคัญก็คือการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลของทีมชาติไทย ซึ่งทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ให้งบประมาณสนับสนุนมา แต่เรายังไม่สามารถหาที่สร้างได้สักที เพราะเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
“ดูอย่างเวียดนาม ปีหน้าเขาเตรียมใช้งบก้อนเดียวกันสร้างศูนย์ฝึกอีก 3 แห่งแล้ว ทำไมเขาทำได้ล่ะ ก็เพราะรัฐบาลเขาสนับสนุนไง แต่รัฐบาลเราไม่เคยให้การสนับสนุนจริงจังเลย มีแต่รอให้ประสบความสำเร็จแล้วก็เกณฑ์ไปเข้าทำเนียบ ค่ารถยังไม่ให้เลยด้วยซ้ำ ก่อนไปซีเกมส์บอกอยากได้เงินเท่าไรว่ามา นี่ซีเกมส์จบไปเป็นเดือนแล้ว สมาคมฯ ยังไม่ได้รับเงินสักบาท ต้องสำรองจ่ายออกไปก่อน ซึ่งเงินนี้มันสามารถหมุนเอากลับไปให้กับสโมสรได้ไง”
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. สมยศเคยกล่าวพาดพิงถึงคนใกล้ตัว พล.อ. ประวิตร แล้วมาพูดด้วยว่า คนที่คิดว่าหากตนลาออกไม่เป็นการแทรกแซงคือพวกไดโนเสาร์ล้านปี ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากอะไรถึงไดโนเสาร์ข้างตัว พล.อ. ประวิตรหรือไม่ พล.ต.อ. สมยศกล่าวว่า “อายุก็เยอะแล้ว กลับบ้านเถอะ หรือรอขึ้นเมรุ” ก่อนหันหลังเดินกลับไป
