วันนี้ (30 พฤษภาคม) ที่รัฐสภา สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ชี้แจงถึงเหตุผลในการยื่นหนังสือยับยั้ง (วีโต้) มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
สมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับกรณีของ พญ.รวมทิพย์ ที่ถูกลงโทษด้วยการตักเตือนจากการออกใบรับรองแพทย์ล่วงหน้า แต่การส่งตัวเกิดขึ้นตอนกลางคืน ซึ่งแพทยสภามองว่าแพทย์ไม่มีอำนาจในการส่งตัว ตนเห็นว่าในการพิจารณาเรื่องนี้ ไม่ได้มีการนำกฎหมายการส่งตัวของราชทัณฑ์มาประกอบ ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ เมื่อพิจารณาไม่ครบถ้วน จึงสมควรยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง
ในส่วนของแพทย์คนที่ 3 ที่ถูกกล่าวหาว่าให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤต ตนพยายามหาข้อมูลแล้วไม่พบ มีเพียงการให้สัมภาษณ์ว่าอาการหนักและน่าเป็นห่วง และการสัมภาษณ์นั้นเป็นการให้ข้อมูลอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นนายแพทย์ใหญ่ได้รับรายงานข้อมูลอาการตอนตรวจและตอนสัมภาษณ์ที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีการพูดถึงคำว่าวิกฤต และน่าเสียดายที่ไม่ได้รับข้อมูลจากอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมของแพทยสภา จึงพิจารณาตามข้อมูลที่มี และเห็นควรยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้องเช่นกัน
สำหรับแพทย์คนที่ 4 ที่เขียนความเห็นแพทย์เพียงว่าการรักษายังไม่เสร็จสิ้น และให้รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นโรงพยาบาลใด ซึ่งถือเป็นดุลพินิจของแพทย์ เนื่องจากผู้ถูกร้องรับทราบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว 14 โรค และรู้ถึงความซับซ้อนของการรักษา ซึ่งอาจแตกต่างจากราชวิทยาลัยที่รับรู้เพียงบางโรค การแสดงความเห็นแพทย์จึงไม่อาจเหมือนกันทั้งหมด ประกอบกับคณะอนุกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีความผิด ตนจึงเห็นตามความเห็นของอนุกรรมการสอบสวน
สมศักดิ์ย้ำว่า ข้อมูลอันเดียวกัน แต่มาตรฐานในการชี้หรือลงโทษ หากเราปล่อยไปโดยสร้างมาตรฐานใหม่ ผมเห็นว่าแนวทางของการลงโทษแพทย์ทั้งหลายก็ต้องเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติใหม่ จะเดือดร้อนกันไปหมด จึงไม่ต้องการให้มีมาตรฐานใหม่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติแล้วก็จะไม่เกิดการโวยวาย
เมื่อถามถึงข้อสงสัยว่าการวีโต้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากมติแพทยสภามีทั้งที่ลงโทษและยกคำร้อง สมศักดิ์ชี้แจงว่า แพทยสภาไม่ได้ดูระเบียบกฎหมายราชทัณฑ์ที่ไม่มีอำนาจในการส่งตัว ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากมติแพทยสภาในวันที่ 12 มิถุนายน ยังคงลงโทษแพทย์ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตน เพราะนักกฎหมายหลายคนได้ช่วยกันดูข้อมูลแล้ว และเห็นว่าอนุกรรมการเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ลงโทษแล้ว หากยังจับมาลงโทษอีกจะโหดร้ายเกินไป
ส่วนกรณีที่มีการปลุกระดมแพทย์ให้ออกมาปลดตนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมศักดิ์กล่าวว่า “ไม่เป็นไร เพราะตนอยู่กับการเมืองมานาน” และย้ำว่าตนมีความพร้อม ไม่ตระหนกตกใจเรื่องใดทั้งสิ้น เชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นดีที่สุด ตรงไปตรงมา และมีเหตุผล ไม่เอนเอียง เพราะหากเอนเอียงจะนอนหนาวสะท้าน แต่ถ้าเป็นแบบนี้จะรู้สึกสบาย เพราะไม่ได้ทำอะไรเสียหาย พร้อมปกป้องงานนี้เพื่อไม่ให้มาตรฐานการลงโทษผู้มีความรู้ความสามารถต้องเปลี่ยนไป
สมศักดิ์ยังยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง การวีโต้จะทำไม่ได้หากไม่มีข้อมูล และไม่มีข้อมูลใหม่ที่จะสามารถสั่งตนได้ ทั้งนี้ ไม่ได้มีการพูดคุยกับทักษิณในเรื่องนี้ มีเพียงแชตไลน์หลุดเท่านั้น และไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณในการขึ้นศาลในวันที่ 13 มิถุนายนนี้
เมื่อถามว่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง จะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 12 มิถุนายนนี้หรือไม่ นพ.โอภาสเพียงยิ้มและไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด
