วันนี้ (1 ตุลาคม) ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยเลือก สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยโดยไม่มีคู่แข่ง ด้วยคะแนนเสียง 376 คะแนน จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 413 คน ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้งหลังลาออกไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ส่วนเลขาธิการพรรคได้คนใหม่คือ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเพียงคนเดียว
ขณะที่ น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรค และเป็นบุคคลใกล้ชิด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขยับขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งมีทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย กิตติรัตน์ ณ ระนอง, ชูศักดิ์ ศิรินิล, เกรียง กัลป์ตินันท์, ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, พิชัย นริพทะพันธุ์, สุทิน คลังแสง, ไชยา พรหมา, พล.ต.อ. สมศักดิ์ จันทะพิงค์ และอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
ส่วนรองเลขาธิการพรรรคมี 5 คน ประกอบด้วย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม, จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์, เผ่าภูมิ โรจนสกุล, คุณากร ปรีชาชนะชัย และนพ ชีวานันท์ ส่วนเหรัญญิกคือ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ขณะที่ จักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนพรรค ส่วนใหญ่ทั้งหมดถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรค
ด้าน อรุณี กาสยานนท์ เป็นโฆษกพรรคคนใหม่ ส่วนกรรมการบริหารอีก 4 คนประกอบด้วย ชวลิต วิชยสุทธิ์, สรวงศ์ เทียนทอง, องอาจ วงษ์ประยูร และพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์
มีรายงานข่าวว่าการเลือกกรรมการบริหารพรรคในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนจำนวน 413 คน นอกจาก ส.ส. และสาขาพรรค โดยมีตัวแทนเขตมาร่วมเลือกด้วย
ต่อมา สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่าวันนี้ตกอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤตทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพรรคเพื่อแบกรับภาระและเป็นที่พึ่งของประชาชน
ภารกิจแรกคือมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ยินดีที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อแก้รัฐธรรมนูญให้มีกติกาการเลือกตั้งที่เป็นธรรม และสร้างความเชื่อมั่นในทุกด้าน
ภารกิจที่ 2 แบ่งเบาภาระความทุกข์ของประชาชนที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ตอนนี้เกิดผลกระทบกับประชาชนทุกอาชีพ คนในระบบแรงงาน เอสเอ็มอี เกษตรกรทุกกลุ่ม พรรคต้องระดมสรรพกำลังทั้งภายในและนอกพรรคเพื่อที่จะร่วมกันสร้างและผนึกกำลังหาหนทางแก้ไขต่างๆ เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วตั้งแต่เป็นพรรคเพื่อไทย
ภารกิจที่ 3 กระชับความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิก ประชาชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมมืออย่างแน่นแฟ้น ให้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน
ภารกิจสุดท้ายคือรวบรวมเทคโนโลยีสมัยใหม่ใช้เป็นเครื่องมือถ่ายทอดหรือสื่อสารไปยังประชาชนและผู้แทนราษฎรของพรรค เพื่อเรียนรู้และหาทางแก้ปัญหาของประชาชน
“ผมขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาตลอด ให้โอกาสพรรคระดมทรัพยากรบุคคลของพรรค ผนึกกำลังจากรุ่นสู่รุ่น ความรู้ของรุ่นพี่และความสร้างสรรค์ของรุ่นน้องเพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลง เราสองรุ่นจะจับมือกันเพื่อถักทอความฝันให้ประชาชนกินอิ่ม นอนหลับสบาย ยิ้มได้อย่างมีความสุขกับชีวิตที่ดีขึ้น” สมพงษ์กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์