หุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ที่เคยมีมูลค่ามากถึง 3.6 แสนล้านบาท ในช่วงที่ราคาหุ้น EA ขึ้นไปแตะระดับ 100 บาท แต่ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น EA ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนราคาลดลงไปต่ำสุดที่ 10.50 บาท ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
ท่ามกลางราคาหุ้นที่ไหลลงต่อเนื่อง หุ้น EA เผชิญกับกระแสข่าวมากมาย เช่น ผู้บริหารขายชอร์ตหุ้นของตัวเอง หรือความสามารถในการชำระหนี้ที่ย่ำแย่ลง เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่กำลังอ่อนแอลง
ล่าสุด สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงการถูกบังคับขายหุ้น (Force Sell) ที่ถืออยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้น EA ลดลงจากราว 23 บาท ไปต่ำสุดที่ 10.50 บาท
สมโภชน์ยืนยันว่า “การถูก Force Sell จบแล้ว และหุ้นที่ถืออยู่เมื่อรวมกับหุ้นของพันธมิตรยังรวมกันเกิน 50% แต่ผลกระทบครั้งนี้ไม่ได้ส่งไปถึงบริษัท”
อย่างไรก็ตาม การถูกบังคับขายครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น แต่ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร เพราะส่วนตัวยังถือหุ้นอยู่กว่า 33% เมื่อรวมกับพันธมิตรแล้วยังเกิน 50%
สาเหตุที่ถูกบังคับขายหุ้น EA
ที่มาที่ไปของการถูกบังคับขายหุ้น EA ครั้งนี้เป็นผลจากการนำหุ้นของ EA ที่ส่วนตัวถืออยู่ไปค้ำประกันกับสถาบันการเงินต่างประเทศ และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นบริการด้าน Private Wealth โดยได้รับสินเชื่อคิดเป็นวงเงิน 3% ของความมั่งคั่ง ณ เวลานั้น
โดยการกู้ 3% ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 3-4 ปีก่อน คิดเป็นมูลค่าระดับหมื่นล้านบาทในช่วงแรก
การกู้แค่ 3% ไม่ได้เป็นเรื่องที่ Aggressive แต่สิ่งที่ผิดพลาดและเป็นบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือ การจัดการกับปัญหาได้ไม่ดีเพียงพอ
“ผมจัดการกับปัญหานี้ผิด ในอดีตคิดว่าเป็นผู้บริหารก็แค่ทำงานไป ไม่ต้องยุ่งกับตลาดหุ้น แต่วันนี้รู้แล้วว่าต้องอธิบายให้นักลงทุนเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่ตลาดไม่ดี ความไม่เชื่อมั่นมีพลังมาก ต้องใช้เวลากับมันเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย”
สมโภชน์กล่าวต่อว่า แม้ส่วนตัวจะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ข้อดีคืออย่างไรสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วยยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นคนที่ขายหุ้นหรือชอร์ตหุ้นของตัวเองมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นผู้ที่ถูกบังคับขายด้วยเช่นกันและเป็นผู้ที่เสียหายมากที่สุด
“สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามีข่าวลือในทางลบต่างๆ เช่น ลือว่าผมขายหุ้นออกไปแล้ว หรือปล่อยข่าวที่ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัท มีทั้งการติดต่อไปยังผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อโน้มน้าวให้ขายหุ้นทิ้ง ในขณะที่จำนวนหุ้นที่ถูก Short Sell ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหุ้นถูกเทขายออกมามากๆ ทำให้ราคาหุ้นลดลงและเกิดการถูก Force Sell จนกลายเป็น Snowball ทำให้ทุกคนเสียหาย”
ก่อนหน้าที่จะถูกบังคับขายครั้งแรกในวันที่ 25 มิถุนายน สมโภชน์กล่าวว่า พยายามทุกวิถีทางในการเจรจากับสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเสนอทางเลือกให้กับเจ้าหนี้หลากหลายรูปแบบ เช่น หานักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นโดยทำบิ๊กล็อตเพื่อไม่ให้กระทบกับราคาหุ้นในกระดาน หรือขอแบ่งชำระบางส่วนพร้อมนำหลักทรัพย์ปลอดภาระที่อยู่กับเจ้าหนี้มาค้ำประกันเพิ่มขึ้น รวมถึงขอขยายเวลาชำระหนี้จากภายใน 3 วันขยายเป็น 15 วัน โดยมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าจะสามารถนำเงินมาชำระคืนได้อย่างแน่นอน
“ผมได้พยายามทำทุกทางอย่างเต็มที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งเงินที่ต้องหามาใส่เพิ่มภายใน 3 วันเป็นเงินหลักพันล้านบาท จากสิ่งที่เกิดขึ้นตัวเองสูญเสียความมั่งคั่งเป็นมูลค่าหลักหมื่นล้าน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นไปกระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัท”
สมโภชน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับหุ้นที่ถูกบังคับขายไปนั้น หากมีแหล่งทุนและมีโอกาสก็อยากจะซื้อหุ้นเหล่านั้นคืน เพราะยังมั่นใจในธุรกิจของบริษัท ซึ่งปัจจุบันยังมีกระแสเงินสดรายเดือนเข้ามาในระดับพันล้านบาท
ส่วนรายละเอียดของการถูกบังคับขายหุ้นในระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายนที่ผ่านมา จะมีการทยอยรายงานออกมาต่อเนื่องหลังจากนี้
ล่าสุด ราคาหุ้น EA ปิดการซื้อขายที่ 12.60 บาท เพิ่มขึ้น 12.50% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 พันล้านบาท
