วันนี้ (15 กันยายน) ที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า เจ้าฟ้า จังหวัดภูเก็ต ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พร้อมหัวหน้าพรรค อุตตม สาวนายน และเลขาธิการพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร่วมเสวนา ‘อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง’ โดยมีประชาชนในพื้นที่ร่วมงานหลายร้อยคน
อุตตมกล่าวบนเวทีว่า วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยขออาสาแก้ปัญหาปากท้องคนไทยเป็นเรื่องแรก พร้อมประกาศจะจัดเสวนาแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั่วประเทศ ทั้งนี้ เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์กับข้อเสนอภาคธุรกิจอันดามัน เพื่อนำมาเป็นนโยบายพรรคใน 3 แนวทาง คือ
- ช่วยหยุดเลือดไหล โดยจะจัดทำคลินิกแก้หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ 7 ปี เป็นอย่างน้อย พร้อมเงื่อนไขดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ที่เรียกว่าจ่ายหน้าต่ำหลังสูง
- ให้ยาเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่ยาแบบเดิมๆ เติมทุนใหม่ จัด Soft Loan ไม่เกิน 5% 7 ปีขึ้น ตั้งงบพิเศษโดยรัฐบาล หรือให้สามารถนำเครื่องมือทำมาหากินมาค้ำประกันเงินกู้ได้
- เติมวิตามินเสริมแกร่ง อาทิ การกำหนดให้การจัดซื้อภาครัฐให้แต้มต่อคนตัวเล็ก เช่น กระตุ้นการท่องเที่ยวจากงบสัมมนา
ช่วงหนึ่งอุตตมกล่าวถึงโครงการแอปพลิเคชันเป๋าตัง และพร้อมเพย์ว่าเป็นแนวคิดของสมคิด และตนก็ได้นำมาขยายผล ดังนั้นในอนาคตก็จะมีแอปอื่นที่จะมาช่วยคนตัวเล็ก ซึ่งเคยทำมาแล้วและมั่นใจว่าทำได้
นอกจากนี้จะใช้กองทุนสร้างอนาคตไทย เติมทุนการศึกษา ผลักดันให้อันดามันเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาคอินเตอร์ โดยใช้อินเทอร์เน็ตกระจายไปทั่วประเทศ
ขณะที่ไฮไลต์ของงานคือการโชว์วิสัยทัศน์ของสมคิด ซึ่งนับเป็นเวทีแรกหลังการเปิดตัวรับตำแหน่งประธานพรรค ที่ถอดสูทสวมบาบ๋าขึ้นเวที ระบุเกือบ 15 ปีแล้วที่เราวนอยู่ในอ่างของการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลากยาวจนเกินไปแล้ว จนประเทศชักจะไม่ไหว เรามีการเมืองระบบประชาธิปไตยแต่เราไม่สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการคิดต่างหาจุดลงตัวและขับเคลื่อนเป็นเหตุผลที่ตนกลับมา ไม่ใช่ตำแหน่ง เพราะมีครบถ้วนเพียงพอแล้ว วันนี้เรามีภารกิจ 2 ข้อ คือ 1. กอบกู้ และ 2. สร้างอนาคตให้อันดามัน
สมคิดเล่าย้อนถึงเหตุการณ์สึนามิ ตอนนั้นตนเห็นเขาหลักเหลือแต่ซาก วิกฤตครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากสึนามิที่มองไม่เห็น ทำให้ประชาชนล้มทีละราย แล้วจะให้นั่งดูได้อย่างไร ซึ่งอันดามันเหมือนมีไข่มุก 3 เม็ด คือ ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ต้องร้อยสายสร้อยที่สวยงาม รวมให้เป็นเพ็กเกจการท่องเที่ยว เช่น รถไฟรางเบาเชื่อม 3 จังหวัด ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ทำไมจะทำไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ผู้นำว่าจะดึงทุนนอกมาใช้ได้อย่างไร ให้เปิดประมูลไปเลย โดยยกตัวอย่างรถไฟฟ้าไทย-จีน ที่ สปป.ลาว ทำเสร็จไปถึงเมืองคุนหมิงแล้ว แต่เรากลับมัวแต่ทะเลาะกัน วันนี้เราได้แต่นั่งมอง สปป.ลาว ตาปริบๆ และอิจฉาเขาด้วย
“ส.ส. ภาคใต้ ทำอะไร ตนเคยนั่งใน ครม. ไม่มีสักแอะ มีแต่ประกันรายได้ ประกันกันทั้งปี ของหมูๆ แบบนี้ ใครๆ ก็ทำได้ ว่าจะไม่แล้วนะ” สมคิดกล่าว
สมคิดได้กล่าวช่วงหนึ่งว่าถ้าได้คุมกระทรวงมหาดไทยเมื่อไรสำเร็จแน่นอน ตนตั้งใจอยากทำหมู่บ้าน OTOP เตรียมทีมไว้แล้ว ขอยืนยันทีมสมคิดไม่ได้มีแค่สองคน มีทั้งในและนอกพรรค คนการเมืองและไม่ใช่การเมือง ที่ซื่อสัตย์สุจริต ตนจะเอามาช่วยให้หมด นำคนเหล่านี้ร่วมกับคนในพรรค เพราะพรรคสร้างอนาคตไทยไม่ใช่พรรคปิด และเราต้องการระดมความร่วมมือกับทุกพรรค ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ดังนั้น ‘ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก’ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย
ขยายความเพิ่มเติมว่า ในยามที่คุณไม่มีจะกิน น้ำตาตกใน เขาทำอะไรอยู่ ไม่ใช่แค่ ส.ส. พังงา ภูเก็ต หรือกระบี่ แต่คือทั้งภาคใต้ มันไม่ใช่แค่เรื่องประกันรายได้ ยาง ปาล์ม เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้คิดแค่นั้น คนใต้เป็นคอการเมือง ตนมั่นใจว่าอนาคตการเมืองภาคใต้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่เราต้องช่วยกันเปลี่ยน ช่วยกันส่งคนรุ่นใหม่เข้ามาการเมือง เรารู้ว่าคนใต้มีความผูกพัน มีความศรัทธากับพรรคการเมืองบางพรรคหรือหลายพรรค แต่ให้ลองคิดว่า 10 ปีที่ผ่านมา ภาคใต้เปลี่ยนแปลงไปเยอะหรือไม่ เหตุใดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องที่จึงไม่เพิ่มขึ้นในยามที่ประเทศต้องการการเติบโต
“ขอให้เก็บความเป็นพรรคการเมืองไว้บนหิ้งก่อน เราต้องมองถึงพรรคที่สามารถสร้างอนาคตให้ลูกหลานได้ ไม่ใช่คิดถึงการเลือกตั้งไปวันๆ ที่ผ่านมาในอดีตมีพรรคการเมืองบางพรรคได้สร้างความศรัทธาและความผูกพันระหว่างรุ่นสู่รุ่น มีรุ่นหนึ่งถึงกับมีการบอกว่าแม้แต่ส่งเสาไฟฟ้าก็ยังได้รับเลือก แต่เมื่อส่งผ่านมารุ่นหลังมีความเข้าใจไม่ถูกต้อง ที่บอกว่าจะส่งเสาไฟฟ้ากลับไม่ใช่ แต่มีที่มาที่ไป มีการผูกมัด ไม่ทำตามสัญญา เวลาเดือดร้อนช่วยเหลือกัน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่าตกลงเป็น ส.ส. หรือเสาไฟฟ้า” สมคิดกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ภูเก็ตปัจจุบันเป็นพื้นที่ของ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐทั้งสองเขต
ก่อนที่คณะแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทยจะเดินทางไปที่ย่านตลาดเก่า เพื่อพบปะประชาชนและผู้ประกอบการภาคธุรกิจอันดามัน