THE STANDARD POP ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของ สมบัติ เมทะนี หนึ่งในนักแสดงชายไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงไทย ฉายาพระเอกตลอดกาลที่ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ที่หล่อเหลา มีเสน่ห์ แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญแห่งวงการบันเทิงที่ฝากผลงานยอดเยี่ยมไว้มากมายตลอดระยะเวลาการทำงานกว่า 62 ปี
ฉายาพระเอกตลอดกาลไม่ใช่ได้มาเพราะเพียงรูปลักษณ์หรือเสน่ห์ความเป็นชายของเขา แต่ อาแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี คือหนึ่งในบุคลากรที่สำคัญที่สุดคนหนึ่ง ผู้ยืนหยัดและเติบโตในยุครุ่งเรืองของภาพยนตร์ไทย ผู้เป็นดั่งส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ไทยไปโดยปริยาย และเขาจะเป็นที่จดจำในดวงใจแฟนๆ ของเขาตลอดไป
เราขอพาคุณย้อนเวลากลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ของผู้ชายที่ชื่อ สมบัติ เมทะนี จากวันแรกในวงการบันเทิงและยุครุ่งเรืองของวงการภาพยนตร์ไทย กว่าเขาจะก้าวสู่ฐานะพระเอกตลอดกาลของวงการนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง
สมบัติ เมทะนี จากไปอย่างสงบในช่วงเช้าวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา สิริอายุรวม 85 ปี เขาคือนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ที่ผ่านยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูสูงสุดของวงการภาพยนตร์ไทยในยุค 60-70 เขาเคยแสดงภาพยนตร์ครอบคลุมทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นแอ็กชัน คอเมดี้ ดราม่า สยองขวัญ หรือแม้แต่มิวสิคัล ทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ในปี พ.ศ. 2559
เส้นทางในวงการบันเทิงไทยของเขาเริ่มต้นตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2503 จากการชักชวนของ นำดี วิตตะ จากคณะละครโทรทัศน์พจนาภิรมย์ โดยเขาได้แสดงละครเรื่องแรกคือเรื่อง หัวใจปรารถนา ร่วมกับ วิไลวรรณ วัฒนพานิช และด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่าสนใจ เขาจึงได้รับเลือกให้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ชื่อว่า รุ้งเพชร ของผู้กำกับ น้อย กมลวาทิน ในปี พ.ศ. 2504 เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์เอ็มไพร์ และทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้น
หลังจากนั้น สมบัติ เมทะนี ก็โลดแล่นอยู่ในวงการภาพยนตร์ไทยอีกหลายต่อหลายเรื่อง ส่งผลให้เขาเริ่มกลายมาเป็นนักแสดงที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือภาพยนตร์เรื่อง สิงห์ล่าสิงห์ ในปี พ.ศ. 2507 ที่เขากลับมาทำงานกับผู้กำกับที่มีพระคุณต่อเขา นั่นคือ นำดี วิตตะ โดยเขาต้องมาเล่นประกบกับ มิตร ชัยบัญชา หนึ่งในนักแสดงชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ซึ่งที่ต้องพูดถึงเพราะว่าในยุคนั้นเป็นยุคที่สมบัติเองก็มีชื่อเสียงแล้ว เป็นรองเพียงแค่ มิตร ชัยบัญชา และนักแสดงในยุคนั้นมักไม่ค่อยประกบนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้วยกันเอง เพราะมันหมายถึงบทบาทที่อาจโดดเด่นไม่เท่ากัน
แต่เขาเองก็ยอมมาแสดงให้ ทำให้ต้องออกจากสังกัดกมลศิลป์ภาพยนตร์ สังกัดเดิมของเขา โดยยังเป็นการรับบทฝาแฝดของ เพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกแห่งยุคที่ประกบกับเขาทั้งคู่
ชื่อเสียงของ สมบัติ เมทะนี ก็ยังคงพุ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขาดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ศึกบางระจัน (2509) ก็ทำให้เขาได้รับการยอมรับมากขึ้นจากทั้งผู้ชมและอุตสาหกรรม เรื่อยมาจนถึงในยุคหลังการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของ มิตร ชัยบัญชา ในปี พ.ศ. 2513 จึงทำให้ สมบัติ เมทะนี ได้มีโอกาสรับบทนำฝ่ายชายมากขึ้นไปอีกถึงปีละ 40 เรื่อง
ในปี พ.ศ. 2516 สมบัติ เมทะนี ลงทุนสร้างและกำกับภาพยนตร์ด้วยตนเองครั้งแรกในชื่อ เมทะนีฟิล์ม โดยมี กาญจนา เมทะนี ภรรยา เป็นผู้อำนวยการสร้าง เรียกได้ว่าเป็นการเข้าสู่ยุครุ่งเรืองสูงสุดของเขาก็ว่าได้โดยเฉพาะการกำเนิดคู่ขวัญในงานแสดง สมบัติ-อรัญญา ที่คลาสสิกในดวงใจคนไทยหลายคน ทั้งจากเรื่อง นักเลงเทวดา (2518), ท้ามฤตยู (2519), แหย่หนวดเสือ (2520) หรือ มหาภัยพันหน้า (2521) หรือถ้าจะเอาให้เห็นภาพชัดเจนว่าสองคนนี้เป็นคู่ขวัญอันดับต้นแค่ไหน ย้อนไปในปี พ.ศ. 2522 สมบัติ-อรัญญา เล่นหนังด้วยกันถึง 8 เรื่องในปีเดียว! ทั้งเรื่อง ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก, นายอำเภอปฏิวัติ, ผานกเค้า, พ่อกระดิ่งทอง, เพียงคำเดียว, หักเหลี่ยมคนดัง, อวนดำ และ ไอ้ปืนเดี่ยว
ในช่วงเวลาเดียวกันที่เขาเปิดบริษัททำหนังด้วยตัวเอง เขาเองก็ยังไปรับงานแสดงที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น นรกตะรูเตา (2519) ของ รุจน์ รณภพ หรือ ขุนศึก (2519) ชื่อบทประพันธ์ที่เราคุ้นกันดี ซึ่งตอนนั้นกำกับโดย สักกะ จารุจินดา ภายใต้ค่ายไฟว์สตาร์โปรดักชั่น
ถ้าเราย้อนนับงานแสดงร่วมสมัยของ สมบัติ เมทะนี ก็มีอีกหลายต่อหลายเรื่องที่น่าจดจำไว้ในฐานะนักแสดงมากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทะลายโจร (2543) ในบทบาท เสือฝ้าย ภาพยนตร์ไทยที่คารวะให้กับมนต์เสน่ห์ของหนังไทยยุคคลาสสิก และส่งให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิง หรือบทบาทเล็กๆ ที่น่าจดจำในฐานะมีมสุดเหวอ จากภาพยนตร์เรื่อง ทวารยังหวานอยู่ (2547) ของ พรชัย หงษ์รัตนาภรณ์ กับที่มาของวลี ‘บัดซบ’ หรือ ‘บัติซบ’ นั่นเอง
นอกจากนี้ผลงานในยุคร่วมสมัยของ สมบัติ เมทะนี ยังมีอีกหลายชิ้นที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นส่วนหนึ่งในมิวสิกวิดีโอเพลง รักเดียวใจเดียว ของ เสือ-ธนพล อิทธิฤทธิ์ ในปี พ.ศ. 2543 ที่เขาร่วมแสดงกับภรรยา กาญจนา เมทะนี ที่ทำให้เห็นความรักของพวกเขาทั้งคู่แม้เพียงไม่กี่วินาทีที่ปรากฏตัว หรือภาพยนตร์เรื่อง ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ (2559) ที่แสดงร่วมกับ พิศมัย วิไลศักดิ์
ในช่วง 4-5 ปีหลัง สมบัติ เมทะนี ได้มีการพักรับงานแสดงเนื่องจากปัญหาทางสุขภาพในเรื่องสายตา รวมถึงมีปัญหาในการได้ยิน ซึ่งผลงานท้ายๆ ที่เราจะได้เห็นอาแอ๊ดร่วมแสดงคือซีรีส์เรื่อง Good Old Days ร้านซื้อขายความทรงจำ ของ GMMTV ที่ออกฉายบน Disney+ ในตอนนี้
ฉายาพระเอกตลอดกาลไม่ใช่ได้มาเพราะเพียงรูปลักษณ์หรือเสน่ห์ความเป็นชายของเขา แต่ อาแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี คือหนึ่งในบุคลากรที่สำคัญที่สุดคนหนึ่ง ผู้ยืนหยัดและเติบโตในยุครุ่งเรืองของภาพยนตร์ไทย ผู้เป็นดั่งส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ไทยไปโดยปริยาย ในฐานะพระเอกตลอดกาลที่จะเป็นตำนานตลอดไป
อ้างอิง:
