กกพ. ชี้ ติดโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนทะลุ 90 เมกะวัตต์เร็วเกินคาดภายใน 3 ปี เร่งลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกด้วย One Stop Service และระบบ e-Licensing ช่วยให้ประชาชนผลิตไฟใช้เองและลดภาระค่าไฟฟ้า
ความต้องการโซลาร์รูฟท็อปพุ่งแรงกว่าคาดภายใน 3 ปี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านหรือ ‘โซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน’ ได้รับความสนใจจากคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานอย่าง กกพ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) ออกมาตรการสนับสนุนที่ชัดเจน ทั้งการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินและการปรับลดข้อจำกัดทางกฎหมายและขั้นตอนต่างๆ
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวถึงว่า แผนเดิมของรัฐตั้งเป้าไว้ว่า จะรับซื้อไฟฟ้าจากภาคประชาชนเพิ่มขึ้นปีละ 10 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2565 ไปจนถึงปี 2573 รวมทั้งสิ้น 90 เมกะวัตต์ แต่เพียงแค่เวลาไม่ถึง 3 ปี ตัวเลขผู้ยื่นขอติดตั้งก็เกือบแตะเพดานแล้ว นี่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าคนไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็น ‘ผู้ผลิตพลังงานเอง’ ไม่ใช่เพียงผู้บริโภคอีกต่อไป
โซลาร์รูฟท็อปช่วยประหยัดภาระค่าไฟอย่างมีนัยสำคัญ
หลายคนอาจเคยเข้าใจว่าการติดโซลาร์เซลล์คือเรื่องของบ้านหลังใหญ่หรือคนมีเงินทุนจำนวนมากเท่านั้น แต่ข้อมูลจาก กกพ. ชี้ว่า หากบ้านไหนใช้ไฟมากกว่า 400 หน่วยต่อเดือน หรือใช้ไฟช่วงกลางวันมาก โซลาร์รูฟท็อปจะช่วยลดภาระค่าไฟได้อย่างมีนัยสำคัญ
โซลาร์รูฟท็อปเหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวัน หรือมากกว่า 400 หน่วยต่อเดือน ช่วยลดค่าไฟที่คิดอัตราก้าวหน้า 4.42 บาทต่อหน่วยได้มาก เนื่องจากผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ต้นทุนต่ำกว่าในช่วงกลางวัน ผู้ใช้มิเตอร์ TOU ที่มีอัตรา On-Peak (9:00-22:00 น.) 5.79 บาทต่อหน่วย และ Off-Peak (22.00-09.00 น.) 2.63 บาทต่อหน่วย จะยิ่งประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นหากปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ในช่วงกลางวัน
ปลดล็อกกฎ ลดขั้นตอน ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแบบ One Stop Service
ความท้าทายเดิมในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่กระบวนการขออนุญาตที่ซับซ้อน และต้องวิ่งเอกสารหลายหน่วยงาน กกพ. จึงออกแบบใหม่ให้เป็นระบบ One Stop Service ประชาชนสามารถยื่นเรื่องเพียงจุดเดียวที่ กกพ. แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ดำเนินการร่วมแบบเบ็ดเสร็จ
“เราอยากให้ประชาชนสามารถติดตั้งและผลิตไฟใช้เองได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะช่วยเร่งให้เกิดระบบพลังงานที่ยั่งยืนได้จริง” ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์
กกพ. กำลังเร่งดำเนินการเพื่อลดขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปสำหรับประชาชน หลังพบว่ายอดติดตั้งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยการดำเนินการจะมุ่งเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ติดตั้งทั้งสองกลุ่มหลัก
- กลุ่มแรก สำหรับผู้ติดตั้งน้อยกว่า 1,000 kVA โดยอาจให้แจ้งจดทะเบียนที่การไฟฟ้าในพื้นที่แห่งเดียว เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเร่งกระบวนการ
- กลุ่มที่ 2 สำหรับผู้ติดตั้งมากกว่า 1,000 kVA และอาจยกเลิกการขออนุญาตสำหรับบางขนาดในอนาคต
ในทางปฏิบัติ มีการยกเว้นใบอนุญาต รง.4 ตามมติ ครม. และอยู่ระหว่างเสนอให้ยกเว้นใบอนุญาต พค.2 โดยหวังว่าจะลดขั้นตอนให้เสร็จใน 180 วัน
ยื่นออนไลน์ได้ในคลิกเดียว e-Licensing สำหรับโซลาร์รูฟท็อป
ไม่เพียงแต่ปรับขั้นตอน กกพ. ยังเดินหน้าพัฒนาระบบดิจิทัลสำหรับการยื่นคำขอ โดยใช้แพลตฟอร์ม e-Licensing ที่สามารถดาวน์โหลดเอกสาร กรอกข้อมูล และติดตามสถานะทั้งหมดได้ผ่านเว็บไซต์ www.erc.or.th
การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยไม่เพียงแต่ลดภาระงานเจ้าหน้าที่ แต่ยังเพิ่มความโปร่งใส และทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการเข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น
ประชาชนคือหัวใจของการเปลี่ยนผ่านพลังงานไทย
ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในภาคพลังงานของไทย จากโครงสร้างที่เคยรวมศูนย์อำนาจการผลิตไว้ที่รัฐและเอกชนรายใหญ่ กำลังขยับสู่รูปแบบที่เปิดให้ประชาชนมีบทบาทมากขึ้น
เมื่อแสงแดดบนหลังคาบ้านสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงาน และพลังงานนั้นสามารถสร้างรายได้หรือลดค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนอย่างแท้จริง นี่คือโอกาสใหม่ที่ภาครัฐควรส่งเสริมให้ถึงที่สุด
การขยับของ กกพ. ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการออกแบบอนาคตของพลังงานไทย
“ถ้าเราสามารถทำให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเป็นเรื่องง่าย ประชาชนก็พร้อมจะเดินไปด้วยกัน” ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์