ครบรอบ 20 ปีแล้วสำหรับ Lost in Translation ภาพยนตร์ชวนเหงาใจจากผู้กำกับ Sofia Coppola โดยล่าสุดเธอได้ออกมาตอบถึงความเคลือบแคลงของใครหลายคนผ่านสื่อ Rolling Stone เกี่ยวกับประเด็นการนำเอา Cameron Diaz มาอิงต่อบทบาท Kelly ที่ Anna Faris เคยแสดงไว้ในเรื่องนี้
“ตัวละครไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอขนาดนั้น มันคือการรวมเอกลักษณ์ของหลายๆ คนเข้าด้วยกัน” Sofia เอ่ยถึงที่มาของตัวละคร Kelly ไว้เช่นนั้น เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์ได้เล่าเรื่องคล้ายกับความสัมพันธ์ของเธอกับ Spike Jonze อดีตสามีที่เป็นนักเขียนและผู้กำกับ ซึ่งอีกฝ่ายเคยได้ทำภาพยนตร์ Her โดยให้กลิ่นอายเดียวกันกับ Lost in Translation หลังจากทั้งสองได้ร้างรากันไปในช่วงปี 2003 ด้วยสาเหตุ ‘ความต่างที่เข้ากันไม่ได้’
ต่อมา Sofia Coppola ก็ได้เผยว่า เธอไม่เคยดูหนังเรื่อง Her เลยสักครั้ง แม้จะมีผู้ออกแบบงานสร้างคนเดียวกัน และได้รับรางวัลออสการ์สาขา Best Original Screenplay เหมือนกันก็ตาม
สาเหตุที่ทำให้หลายคนหันมาคิดเชื่อมโยงกันเช่นนั้นก็เป็นเพราะส่วนหนึ่ง Cameron Diaz เคยได้แสดงภาพยนตร์ของ Spike Jonze เรื่อง Being John Malkovich มาก่อนหน้านี้เมื่อปี 1999 ผนวกกับพล็อตเรื่อง Lost in Translation ได้เล่าถึง John (รับบทโดย Giovanni Ribisi) ช่างภาพเซเลบริตี้ผู้มักละเลยภรรยา ในระหว่างที่ตัวเองมัวแต่ไปพัวพันกับดาราสาวอย่าง Kelly (รับบทโดย Anna Faris) จนทำให้หลายคนเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า นี่คือภาพกึ่งตัวละครจาก Spike Jonze ตลอดจนโยงใยไปหา Cameron Diaz เสียจนได้
อย่างไรก็ดี Sofia Coppola กำลังจะกลับมาให้แฟนๆ ของเธอได้หายคิดถึงกันเสียที เพราะเดือนตุลาคมนี้เธอได้กลับมาพร้อมกับภาพยนตร์เรื่อง Priscilla สร้างมาจากชีวิตจริงของคู่รักในตำนานอย่าง Elvis และ Priscilla Presley ส่วนปัจจุบัน Sofia ได้แต่งงานกับสามี Thomas Mars นักดนตรีของวง Phoenix ซึ่งพวกเขามีลูกสาวชื่อ Romy วัย 16 ปี
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: