วันนี้ (4 มีนาคม) ที่กระทรวงแรงงาน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ถึงการบริหารกองทุนประกันสังคมว่า ตามที่มีข้อกังวลเรื่องกองทุนประกันสังคมว่ากองทุนจะเข้าสู่ภาวะล้มละลายในอีก 30-34 ปีข้างหน้านั้น ตนเชื่อว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือทำสิ่งใหม่ แนวโน้มของกองทุนก็จะเป็นไปตามสูตรการคำนวณดังกล่าว ดังนั้นจึงต้องเร่งหาแนวทางแก้ไข
พิพัฒน์กล่าวต่อว่า การประชุมคณะกรรมการของสำนักงานประกันสังคมในวันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงแรงงาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานประกันสังคม โดยมีคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) เข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีความเห็นสอดคล้องกันว่าควรจะมีการยืดอายุกองทุน จึงจำต้องมีการขยายเพดานการจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น จากเดิมเพดานอยู่ที่ 15,000 บาท ก็จะขยายไปถึง 20,000 บาท รวมถึงการขยายอายุการเกษียณ ที่เดิมอยู่ที่ 55 ปี ก็อาจเพิ่มเป็น 60 ปี
โดยเฉพาะดอกผลของกองทุนที่มีการใช้ตามกฎหมาย คือร้อยละ 60 เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยง เช่น การฝากธนาคารของรัฐ การซื้อพันธบัตรของรัฐบาล ที่เหลืออีกร้อยละ 40 เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเสี่ยงบ้าง แต่จะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของประกันสังคม คือเรตติ้งของบริษัทหรือกองทุนที่จะไปลงทุนจะต้องไม่ต่ำกว่า DDD
เช่น ธนาคารพาณิชย์ ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในอัตรา 60 ต่อ 40 แต่ในปีนี้จึงขอให้ขยายมาเป็น 75 ต่อ 25 ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยืดอายุของกองทุนได้ตามเป้าหมาย จึงต้องพยายามคิดทุกวิถีทางเพื่อยืดอายุกองทุน แต่ขอให้มีความวางใจว่าสิ่งที่จะลงทุนนั้นต้องไม่ต่ำกว่าระดับ DDD ตามเรตติ้งสากล
ส่วนความเป็นไปได้ในการขยายอายุผู้ประกันตนจาก 55 ปี เป็น 60 ปีนั้น พิพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการหารือกันในบอร์ดประกันสังคม ปลัดกระทรวงแรงงาน และหารือร่วมกับกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน (กสร.) สุดท้ายแล้วเราจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาต่อไป แต่ต้องเป็นวาระเร่งด่วน เพราะเรื่องกองทุนประกันสังคมเราไม่สามารถรอได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าการขยายเพดานการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจะมีการสื่อสารถึงผู้ประกันตนอย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างมาก พิพัฒน์กล่าวว่า กระทรวงแรงงานจำเป็นต้องทำการประชาสัมพันธ์ผ่านองค์กรนายจ้าง สหภาพแรงงานต่างๆ แต่ขอย้ำว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์จากทุกฝ่าย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานพูดถึงการล้มละลายของกองทุนประกันสังคม เป็นการยอมรับถึงความล้มเหลวในการบริหารกองทุนหรือไม่ พิพัฒน์ชี้แจงว่า ขณะนี้กองทุนยังอยู่ในช่วงพีคที่ไต่ระดับขึ้นไปอยู่ แต่คาดว่าอีกไม่นานก็จะถึงจุดสูงสุดของกราฟ แล้วเมื่อถึงเวลานั้นกราฟก็จะออกมาเป็น 2 แบบ คือ
- ชะลอตัวในแนวราบและค่อยๆ ลดลง หรือ 2. เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วจะหักดิ่งลงทันที
“แม้ว่าระยะนี้ยังมีเวลาให้มีเตรียมการ เพราะแต่ละปีมีการเก็บเงินเข้ากองทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท ส่วนการใช้จ่ายอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท เหลือเก็บปีละ 7 หมื่นล้านบาท ดังนั้นกองทุนยังมีเงินเหลืออยู่ แต่เราไม่ควรจะรอให้ถึงวันที่เงินกองทุนติดลบ จึงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหา เพื่อทำให้กองทุนประกันสังคมเป็นลักษณะอินฟินิตี (Infinity) ของการล้มละลาย” พิพัฒน์กล่าว