ในปีที่ผ่านมา บริษัทโซเชียลมีเดียสร้างรายได้จากโฆษณามากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.8 แสนล้านบาท จากผู้ใช้ที่มีอายุน้อยในสหรัฐอเมริกา ตามการศึกษาของ Harvard T.H. Chan School of Public Health ตัวเลขนี้ได้เน้นย้ำถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดียที่มีเพิ่มขึ้นต่อเยาวชน และความจำเป็นในการกำกับดูแลของรัฐบาล
การศึกษานี้โฟกัสไปที่แพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Instagram, Snapchat, TikTok, X (เดิมชื่อ Twitter) และ YouTube ใช้ข้อมูลสำมะโนประชากร การสำรวจ และเครื่องมือวิจัยอื่นๆ เพื่อประเมินเวลาที่เยาวชนใช้บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ และคำนวณรายได้ที่บริษัทเหล่านี้ได้รับจากการโฆษณาสำหรับกลุ่มประชากรนี้
หนึ่งในประเด็นหลักที่การศึกษาได้เน้นคือ ผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิตของเยาวชน โฆษณาที่มีเป้าหมายของแพลตฟอร์มเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กและวัยรุ่น ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลจากรัฐบาล และให้มีความโปร่งใสมากขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยี เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้
ผู้เขียนรายงานการศึกษา รวมถึง Bryn Austin ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า การกำกับดูแลตนเองของแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่เพียงพอ พวกเขาเน้นย้ำถึงแรงจูงใจทางการเงินที่บริษัทเหล่านี้มีในการดำเนินการต่อไป โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเพื่อปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน
ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การตลาดสำหรับเด็กเป็นประเด็นที่น่ากังวลมาหลายปีแล้วในสื่อต่างๆ อย่างไรก็ตาม การโฆษณาออนไลน์เป็นปัญหาที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากความเฉพาะเจาะจงและเส้นแบ่งระหว่างโฆษณากับเนื้อหามักจะไม่ชัดเจน American Academy of Pediatrics ได้ชี้ให้เห็นว่า เด็กเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อผลกระทบจากโฆษณา เนื่องจากทักษะการคิดวิเคราะห์และการยับยั้งอารมณ์ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่
ท่ามกลางความกังวลเหล่านี้ คณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FTC) ได้เสนอการปรับปรุงที่สำคัญในกฎหมายเพื่อควบคุมการโฆษณาออนไลน์สำหรับเด็ก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงการปิดการโฆษณาที่มีเป้าหมายสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยค่าเริ่มต้นและการจำกัดการแจ้งเตือน
การแบ่งปันรายได้จากการโฆษณาสำหรับเยาวชนเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ YouTube อยู่ในอันดับต้นๆ สำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 12 ปี และต่ำกว่า ในขณะที่ Instagram เป็นผู้นำในรายได้จากผู้ใช้ที่มีอายุ 13-17 ปี และ Snapchat, TikTok และ YouTube ยังได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่สำคัญจากผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
การศึกษานี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจัดการกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียที่กระทบต่อจิตใจของเยาวชน และความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพวกเขา
อ้างอิง: