วันนี้ (19 ธันวาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตและการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกโกง ภายหลังสิงคโปร์เตรียมบังคับใช้กฎหมายให้ธนาคารและค่ายมือถือร่วมรับผิดชอบหากลูกค้าโดนหลอกว่า เราก็มีการดำเนินการในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยเป็นการแก้ไขพระราชกำหนดว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้ ในรายละเอียดการแก้ไขพระราชกำหนดดังกล่าวมีหลายเรื่อง โดยมาตรการที่ 1 คือ การมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์และโอเปอเรเตอร์ มาตรการที่ 2 คือ การจ่ายเงินคืน และมาตรการที่ 3 คือ เพิ่มโทษผู้กระทำความผิด ส่วนรายละเอียดการคืนเงินให้กับผู้เสียหายอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภา สามารถดำเนินการได้เลย
ประเสริฐกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนก็เร่งรัดเรื่องนี้อยู่และได้พูดคุยกับธนาคารแล้ว ซึ่งธนาคารก็เห็นด้วย และเป็นมติของที่ประชุมว่าต้องดำเนินการเพื่อตัดทุกช่องทางของมิจฉาชีพ
“ถ้าเราออกมาตรการไปแล้ว โอเปอเรเตอร์และธนาคารไม่ปฏิบัติตามแล้วทำให้เกิดความเสียหายเขาต้องมีส่วนร่วมในเงินที่ประชาชนเสียไป” ประเสริฐกล่าว
เมื่อถามว่า กำหนดรายละเอียดจำนวนเงินที่จะคืนผู้เสียหายกำหนดไว้อย่างไรในการแก้ไขร่างพระราชกำหนดดังกล่าว ประเสริฐระบุว่า การดำเนินการต้องเข้าสู่กระบวนการสืบทราบที่มาที่ไป หากบางรายสามารถติดตามคืนได้เร็วก็สามารถคืนได้ทันที แต่ถ้าทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่งและเงินไปอยู่ในบัญชีของมิจฉาชีพ การดำเนินการตรวจสอบที่มาที่ไปทางการเงินอาจยากลำบาก
ประเสริฐกล่าวอีกว่า วันที่ 1 มกราคมนี้ จะมีอีก 1 มาตรการออกมาเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต คือมาตรการระงับการส่ง SMS ที่จะมีการแนบลิงก์ไปยังโทรศัพท์ต่างๆ เพื่อลงทะเบียน ผู้ส่งต้องแจ้งสถานะว่าเป็นใคร หากไม่พบข้อมูลผู้ส่ง โอเปอเรเตอร์จะระงับการส่งดังกล่าว